ชาวเน็ตชี้! นอกจากทำอาชีพเฉพาะ-ขายของออนไลน์ “คอนเน็กชั่น” ก็เป็นเรื่องสำคัญ

ชาวเน็ตชี้! นอกจากทำอาชีพเฉพาะ-ขายของออนไลน์ “คอนเน็กชั่น” ก็เป็นเรื่องสำคัญ

จีน ถือเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก เพราะมีนโยบายพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับมีฐานะเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ผลิตสินค้าป้อนขายให้ต่างชาติ อย่างไทยเอง พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายเจ้า ก็นำสินค้าจากจีนเข้ามาขายโดยกินกำไรจากค่าสั่งซื้อและส่งของ แต่เมื่อ Alibaba อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ได้เข้ามาตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกำหนดสร้างเสร็จและส่งมอบในเดือนกันยายน​ 2562​ จึงทำให้หนุ่มรายหนึ่ง เข้ามาตั้งกระทู้ถามในพันทิป ว่า จากข่าว หายนะของพ่อค้า​แม่ค้า​ออน์ไลน์​ กำลังใกล้เข้ามา นอกจากขายของออนไลน์แล้ว ควรทำอะไรอีกดี? (ถ้าไม่นับรวมอาชีพที่รับเงินเดือน)

โดย เจ้าของกระทู้ สมาชิกหมายเลข 1946446 ได้อธิบายเพิ่มเติมจากหัวข้อกระทู้ว่า ปัจจุบันค้าขายออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของคนไทย เพราะสะดวกทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่ต้องมีหน้าร้านก็สามารถขายของได้ ทำให้หลายคนหันมาขายของออนไลน์กันเยอะขึ้น ทั้งที่ทำเป็นอาชีพหลัก และบางคนก็ทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้หลังเลิกงาน

แต่เวลาของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อย​ รายเล็ก​ กำลังใกล้ถึงกาลอวสานซะแล้ว  เมื่อศูนย์กระจายสินค้าของ Alibaba อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนที่ฉะเชิงเทรากำลังจะสร้างเสร็จ และส่งมอบในเดือนกันยายน​ 2562​ นี้ ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการแล้ว​ ทาง​ Alibaba จะมาลงทุนในฐานะผู้กระจายสินค้า​ ไม่ใช่ผู้ขาย​ ดังนั้น สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า​ 1,500​ บาท​ จะไม่เสียทั้งภาษีนำเข้าและ​Vat​ งานนี้​พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีสินค้าที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน​ คงหมดทางสู้  ส่วนผู้นำเข้าสินค้าจากจีนคงหงายท้อง​ ยังไม่รวมผู้ผลิตสินค้าของไทยที่ผลิตสินค้าใกล้เคียงกับจีน คงต้องม้วนเสื่อ นี่เป็นเพียงการลงทุนเพียงเฟสแรกเท่านั้น​ เพราะการลงทุนในเฟสที่สองก็กำลังอยู่ระหว่างเจรจา

การเปลี่ยนแปลงทางการขายจะไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ค่อยๆ ปรับตัวได้อีกแล้ว​ แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาด้วยความรวดเร็ว​ รุนแรง​ จนอาจตั้งตัวไม่ทัน​ ตอนนี้สถานการณ์การค้าออน์ไลน์ เหมือนยังเดินไปได้แบบปกติ​ แต่คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว​จนกลายเป็นคลื่นยักษ์​ ทุกคนต้องเตรียมตัวรับให้ดี การลงทุนที่จะหวังให้มีการจ้างงาน​ ก็อาจได้เป็นบางส่วน อีกทั้งจำนวนพนักงานมีการใช้น้อยลง เนื่องจากใช้ระบบ​หุ่นยนต์เข้าช่วยถึง​ 70% งานนี้ก็คงตัวใครตัวมัน​เท่านั้น​ ไม่มีใครช่วยใครได้

เขาวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ลูกค้าคนไทยมีความต้องการที่จะซื้อของที่ถูกกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่สนหรอกว่า กำลังกดสั่งซื้อของใน Lazada หรือ Shopee ที่เป็นร้านค้าจีน เพราะในปัจจุบัน ความเร็วในการขนส่งจากจีนมาถึงผู้บริโภคไทย ใช้เวลาแค่ 7 วัน ก็ได้รับของแล้ว

ดังนั้นเขาจึงให้ความเห็นว่า ในอนาคตอีกไม่ถึง 5 ปี ผู้ประกอบการที่จะไปไม่รอด น่าจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
– พ่อค้า​แม่ค้า​ที่ขายของจากจีนที่ขายแพงกว่าคนจีน
– พ่อค้า​แม่ค้า​ที่ขายของไทย แต่ดันเป็นสินค้าที่เหมือนของจีนและราคาแพงกว่า
– เจ้าของแบรนด์ที่มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง ที่มีผลิตภัณฑ์คล้ายของจีน (เจ้าของแบรนด์อาจจะอยู่รอดแค่ช่วงแรกๆ หลังจากนั้น ลูกค้าคงคิดว่า อะไรก็ได้ ทำไมต้องจ่ายแพง)

ส่วนคนที่อยู่รอด น่าจะมีลักษณะดังนี้
– เป็นเจ้าของแบรนด์ ที่มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง (แต่มีโอกาสเสี่ยง 50/50)
– ธุรกิจขายอาหาร / ขนม ออนไลน์
– ธุรกิจร้านอาหาร (เพราะถึงแม้จะเป็นยุคออนไลน์ แต่คนก็ชอบเที่ยวนอกบ้าน เพื่อสนุกสนาน พักผ่อน)
– ธุรกิจบริการ ไม่น่าจะมีผลกระทบ เช่น คลินิก เสริมความงาม สปา นวด คาร์แคร์ ซ่อมรถ โรงหนัง ฯลฯ ( เหมือนกัน เพราะถึงแม้จะเป็นยุคออนไลน์ แต่คนก็ชอบเที่ยวนอกบ้าน เพื่อสนุกสนาน พักผ่อน)

จากการวิเคราะห์ทั้งหมด เขามองว่า จะทำให้รายได้ของคนไทยน้อยลง ส่งผลให้คนจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวน้อยลง บรรดาธุรกิจอาหาร หรือ บริการ ก็จะมีรายได้น้อยลงตามกันไปด้วย

เจ้าของกระทู้จึงถามเพื่อนๆ ชาวพันทิปว่า นอกจากขายของออนไลน์แล้ว ควรทำอาชีพอะไรอีกดี?

หลังจากนั้นได้มีสมาชิกพันทิปเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย บ้างก็เล่าประสบการณ์ซื้อของราคาถูกจากจีนโดยตรง บ้างก็ปลงเพราะปลาใหญ่ต้องกินปลาเล็ก บ้างก็เปรียบเทียบผลกระทบการขายกับพ่อค้าแม่ค้าที่มีหน้าร้านโดยตรง

แต่ความเห็นหนึ่ง วิเคราะห์ออกมาได้น่าสนใจ โดย สมาชิกหมายเลข 3549436 คอมเมนต์ว่า เขานั้นทำธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทั้งสองอย่างจริงๆ แล้วต้องเกื้อหนุนกัน หากทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือความเสี่ยง

การขายแบบออฟไลน์ มีจุดด้อยตรงการเข้าถึงผู้ซื้อ และจุดเด่นคือยากต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนการขายแบบออนไลน์ มีจุดเด่นตรงสามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้ดี แต่จุดด้อยคือง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง

แจ็คหม่าเคยพูดว่า ที่ไหนมีแต่ปัญหา ที่นั่นคือโอกาส

ส่วนอาชีพอะไรที่จะอยู่รอด ส่วนตัวเขามองว่า อาชีพที่จะรอดและไปได้ดีตลอดคืออาชีพที่ใช้ทักษะเฉพาะตัว เช่น หมอ วิศวะ นักกฏหมาย ครู ช่างแขนงต่างๆ ยูทูบเบอร์ สินค้าที่มีความเด่นเฉพาะตัว สุดท้ายไม่ว่าสาขาไหน อาชีพอะไร สื่งสำคัญที่สุด คือการ มีคอนเน็กกับลูกค้า ไม่ว่าจะทำการขายแบบออฟไลน์ หรือ ออนไลน์  นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ต้องโฟกัสที่ทำเลเท่านั้นว่า ทำอย่างไรจะให้คนเห็นคุณเท่านั้น หรือถ้าเอาแค่มองว่าตัวเองแล้วเจ๋งพอ ก็เล่นหุ้น

อีกปัญหาที่สำคัญคือ คนไทยไม่เก่งในตัวสินค้า ถนัดงานซื้อมาขายไปง่ายๆ คิดค้นนวัตกรรมสินค้าไม่เป็น หายนะจึงมาเร็วกว่าที่คาด

ซึ่งความเห็นของสมาชิกหมายเลข  3549436 มีคนเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก