คุณพ่อยอดนักสู้ ยอมทิ้งงานประจำ หันขายน้ำแข็งไส หวังมีเวลาเลี้ยงลูกพิการ

คุณพ่อยอดนักสู้ ยอมทิ้งงานประจำ หันขายน้ำแข็งไส หวังมีเวลาเลี้ยงลูกพิการ

จากกรณีที่ชาวเน็ตมีการแชร์เรื่องราวของ คุณพ่อยอดนักสู้รายหนึ่ง ที่พาลูกชายพิการออกมาขายน้ำแข็งไส ไปพร้อมๆกับการดูแลลูกชายไม่สมประกอบเป็นอย่างดี จนเรื่องราวของพ่อลูก รายดังกล่าว ประทับใจชาวเน็ตและถูกแชร์ต่อบนโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” เดินทางไปพบ นายนิวัตต์ เสถียรชัยสกุล อายุ 58 ปี และ นายเกศฎากรณ์ ตะวันศรีทอง หรือน้องเกรซ อายุ 19 ปี สองพ่อลูกขายน้ำแข็งไส ที่ ซอยสุขสวัสดิ์ 28 แขวงบางปะกอก เขตราฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ

นายนิวัตต์ เปิดเผยว่า ปี พ.ศ.2543 ภรรยาตนได้ท้องลูกคนที่ 3 ซึ่งเป็นลูกชาย ตนรู้สึกดีใจมาก และตนก็เฝ้ารอการเกิดมาของลูกชายคนนี้ ตั้งแต่ตอนคลอดลืมตาดูโลกในวันแรก ลูกมักจะร้อง เมื่อตนไปอุ้มเขาก็ถึงจะเงียบ ตนก็ได้แต่บอกภรรยาว่าให้ช่วยถามคุณหมอด้วยนะ ว่าลูกของเราร้องผิดปกติหรือเปล่า แล้วตนก็ทิ้งลูกไว้กับภรรยาเพื่อไปทำงาน

จนกระทั่งมาหาวันที่ 2 ที่ ร.พ. ตนไม่พบว่า ลูกนั้นได้อยู่กับภรรยาที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่ แต่ลูกอยู่อีกห้องหนึ่ง และลูกของตนก็ถูกคุณหมอเจาะเลือดเป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้นตนไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการรักษา จนลูกของตนมีอายุได้ 8 เดือน แต่หลังและคอของลูกยังไม่แข็งแรง ไม่มีการเจริญเติบโตเตรียมพร้อมไปสู่การเดินเลย ตนจึงพาลูกกลับไปที่รพ.อีกครั้งเพื่อตรวจถึงความผิดปกติ

นายนิวัตต์ เปิดเผยต่อว่า คุณหมอไม่ยอมพูดอะไรกับตนมากไปกว่าคำว่า ให้ทำใจ ซึ่งในตอนนั้นตนก็ไม่เข้าใจว่าให้ทำใจเรื่องอะไร คุณหมอบอกตนว่า เด็กคนนี้ได้รับการเจาะไขกระดูกสันหลังตั้งแต่เด็ก ทำให้เด็กไม่มีพัฒนาการเจริญเติบโต และเด็กจะมีอายุอยู่ได้ไม่นาน เมื่อตนได้ยินเช่นนั้นตนก็รู้สึกตกใจ แล้วได้กลับมาถามภรรยาว่า ไปเจาะไขกระดูกสันหลังลูกตั้งแต่ตอนไหน

ภรรยาตนก็บอกว่าหมอเจาะตั้งแต่วันที่ตนให้ถามว่า ลูกร้องแบบนี้ผิดปกติหรือเปล่า หลังจากนั้นภรรยาตนก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ภรรยาพยามให้ลูกไปอยู่ที่สถานบำบัดคนพิการ และบอกให้ตนไปเยี่ยมลูกเสาร์อาทิตย์ แต่ตนคือพ่อของน้องเกรซ ตนทำให้เขาเกิดขึ้นมา ตนก็ต้องรับผิดชอบ ตนก็ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้า เพื่อมาดูแลน้องเกรซเต็มตัว จากนั้นภรรยาก็ได้ทิ้งตนไปเลย

ตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ในตอนนั้นน้องเกรซยังเล็กอยู่ ตนคิดแต่ว่าจะเลี้ยงน้องเกรซให้ดีที่สุด ตนก็ต้องมีอาชีพ ก็ได้ไปปรึกษาคุณพ่อตนในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็ได้แนะนำให้ตนขายน้ำแข็งไส แล้วดัดแปลงรถ เพื่อให้น้องเกรซไปขายด้วยได้ แต่ก็ไม่มีช่างคนไหนสามารถดัดแปลงรถได้เลย เลยตัดสินใจทำเองเลย ตอนกลางวันขายน้ำแข็งไส เริ่มขายตั้งช่วงเวลา 11 โมงเช้า จนถึงประมาณ 5 โมงเย็น

ตอนกลางคืนตนก็ไปเป็นรปภ.ในตึกใกล้บ้าน แต่เดือนที่แล้วตนไม่ได้ออกไปขายทั้งเดือนเลย เพราะน้องเกรซมีโรคแทรกซ้อน คือ น้องเกรซติดเชื้อในกระแสเลือด ปกติน้องเกรซ ต้องกินยาทุกวัน วันล่ะ 3 เม็ด เมื่อเป็นโรคแทรกซ้อนก็กินเพิ่มเป็น 7 เม็ด ตนก็รู้สึกเป็นห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากแบบตน แต่ที่ตนทนเหนื่อยอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลูก เก็บเงินซื้อตึกอาคารพานิชย์สักหลัง แล้วเปิดขายน้ำแข็งไส ลูกจะได้ไม่ต้องตากแดด ตากลมอีก

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์