คกก.ยาเสพติดฯ เบรกรับรอง “น้ำมันกัญชา” สูตร อ.เดชา ยันติดคุณสมบัติ ไม่ได้เป็นหมอพื้นบ้าน

คกก.ยาเสพติดฯ เบรกรับรอง “น้ำมันกัญชา” สูตร อ.เดชา ยันติดคุณสมบัติ ไม่ได้เป็นหมอพื้นบ้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ค. คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ประชุมพิจารณาตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมเฉพาะรายของหมอพื้นบ้าน โดยมี นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานคณะกรรมการฯ ซึ่งวันนี้มีการพิจารณาตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาฯ 2 ตำรับ คือ น้ำมันกัญชาของนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี และตำรับจอดกระดูก จ.กาฬสินธุ์ โดยใช้เวลาในการประชุมนานมากกว่า 4 ชั่วโมง

นพ.พิศิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่งตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมเฉพาะรายของหมอพื้นบ้านเข้ามาจำนวน 2 ตำรับ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุญาตตำรับ “จอดกระดูก” ของหมอพื้นบ้าน จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากมีคุณสมบัติครบถ้วน ส่วนตำรับน้ำมันกัญชาของนายเดชา ที่ประชุมเห็นว่าในส่วนของตำรับนั้นไม่มีปัญหา ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว แต่ยังติดเรื่องคุณสมบัติของนายเดชา ซึ่งจะต้องเป็นหมอพื้นบ้านตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556

โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ต้องกลับไปทำเรื่องคุณสมบัติของนายเดชาให้ถูกต้อง ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นาน แล้วเสนอกลับเข้ามายังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ อีกครั้ง ก็สามารถพิจารณาอนุญาตตำรับของนายเดชาได้ ดังนั้น ในวันนี้จึงอนุญาตเพียงตำรับเดียว โดยยืนยันว่าการพิจารณากลั่นกรองได้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนใช้เป็นหลัก

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า เรื่องของคุณสมบัติเป็นเรื่องสำคัญขั้นต้นของการเข้าสู่เป็นผู้ที่จะยื่นสูตรตำรับ เรื่องนี้ได้คุยกันทั้งสภาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงจะส่งกลับไปให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ ติดตามเรื่องการรับรองคุณสมบัติของนายเดชา และรีบยื่นเข้ามาอีกครั้ง

สำหรับตำรับจอดกระดูกที่ได้รับอนุญาตแล้ว ก็จะจัดทำเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข และเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข เป็นผู้ลงนาม โดยตำรับไหนที่ผ่านแล้วก็จะดำเนินการไปก่อนเลย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ทั้งนี้ รมว.สาธารณสุข เป็นห่วงเรื่องการใช้กัญชา อยากให้ประชาชนได้ประโยชน์ ใช้ได้เสรีการแพทย์ แต่ก็ต้องทำควบคู่กับการดูคุณภาพมาตรฐาน คุณสมบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย เราจะเร่งรัดในส่วนของ สธ.หรือสภาการแพทย์แผนไทย เร่งรัดกระบวนการ ซึ่งหากตำรับใดพร้อมเข้ามาก็จะเร่งรัดประชุมคณะกรรมการฯ ให้

ด้าน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า เดิมที่ผ่านมาการขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน เป็นการรับรองโดยใช้ระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ แต่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ว่า แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน จะปรุงยากัญชาทางการแพทย์แผนไทยได้ ต้องเป็นตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 จึงต้องมีการรับรองหมอพื้นบ้านใหม่ตามหลักเกณฑ์ของสภาการแพทย์แผนไทย

ซึ่งขณะนี้ได้ออกหลักเกณฑ์มาแล้วเมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศต้องไปประเมิน “หมอพื้นบ้าน” ที่มีอยู่ประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายเดชาด้วย ให้เป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะคุณสมบัติก็ไม่ได้ต่างจากระเบียบเดิมมาก

“ขณะนี้ได้มอบอำนาจให้ สสจ.สุพรรณบุรีไปดำเนินการรับรองคุณสมบัติแล้ว โดยตั้งคณะกรรมการหมอพื้นบ้านระดับจังหวัด ถ้านผ่านการรับรองก็จะส่ง อย.และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งได้เห็นชอบในหลักการของสูตรตำรับไว้แล้ว” นพ.ปราโมทย์ กล่าวและว่า

ส่วนตำรับจอดกระดูก จ.กาฬสินธุ์นั้น เนื่องจากผู้ยื่นสูตรมี 2 สถานะ คือ เป็นทั้งหมอพื้นบ้านและผู้ประกอบวิชาชีพตาม พ.ร.บ.วิชาชีพฯ อยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ทั้งนี้ ตำรับจอดกระดูกใช้สมุนไพร 2-3 ตัว ซึ่งคงเปิดเผยไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ต้องขึ้นกับเจ้าของสูตร แต่เป็นตำรับที่ใช้มานานในพื้นที่

โดยมีสรรพคุณในการสมานกระดูก ซึ่งจอดหมายถึงทำให้นิ่ง โดยมีลักษณะเป็นยาทาภายนอก อย่างไรก็ตาม ตำรับยาหมอพื้นบ้านที่มีกัญชาปรุงผสม จริงๆ ยังมีอีกมากที่กำลังเร่งผลักดันพิจารณากันอยู่ โดย 10 ตำรับที่ผ่านคณะกรรมการอำนวยการใหญ่ของกรมแพทย์แผนไทยฯ แล้ว ก็อยู่ระหว่างทำข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเสนอมายังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาอีก

เมื่อถามถึงข้อทักท้วงว่ามีการพิจารณาล่าช้า จนนายเดชาไม่สามารถจ่ายน้ำมันกัญชาแก่ผู้ป่วยได้ นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด และกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกล่าวว่า ขณะนี้นายเดชาก็มีการออกโทรทัศน์ ใครๆ ก็ทราบว่ามีการแจกอยู่ เพราะฉะนั้น การบอกว่าผู้ป่วยจะได้รับการเดือดร้อน ก็เห็นหน้าสื่ออยู่ว่าแจกอยู่ทุกวัน การอ้างผู้ป่วยคงไม่ได้

ส่วนสูตรของนายเดชาก็คงยังไม่ได้รับการรับรอง เพราะคุณสมบัติเบื้องต้นยังไม่เรียบร้อย อยู่ระหว่างการกลับไปดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าไม่น่าเกิน 1 เดือน ต้องไปดำเนินการคุณสมบัติให้เรียบร้อยก่อน ถึงพิจารณาเรื่องสูตรตำรับถึงจะบอกว่ารับรองหรือไม่รับรอง

ด้าน ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) และผู้แทนสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะต้องรอบคอบเรื่องกฎหมาย ไม่ว่านโยบายจะมีอย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ ข้อดี คือ มีการประกาศเรื่องหลักเกณฑ์เพิ่มมากขึ้น ทั้งแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน วันนี้พิจารณาไปสองตำรับ

โดยตำรับของนายเดชา เนื้อหาสูตรตำรับที่ประชุมรับรอง แต่ติดขัดตัวผู้เสนอยังไม่ผ่านเป็นหมอพื้นบ้านตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 กำหนด ที่จะต้องรับรองโดยสภาการแพทย์แผนไทย และหลักเกณฑ์ก็พึ่งออกมา แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงคลี่คลายไปได้ และผู้ป่วยเองจะได้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งที่เราคาดหวัง