ธ.ไทยเครดิตฯ แนะพ่อค้าแม่ค้ายุค 4.0 ค้าขายอย่างไรให้รวย มีเงินเหลือใช้

 

ธ.ไทยเครดิตฯ แนะพ่อค้าแม่ค้ายุค 4.0 ค้าขายอย่างไรให้รวย มีเงินเหลือใช้ มีกำไรเหลือเก็บ กับโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 3

 

ไม่ว่าใครก็อยากรวย อยากเป็นเศรษฐีกันทั้งนั้น ยิ่งคนหาเช้ากินค่ำอย่างพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ยิ่งต้องมีความรู้ด้านการเงินที่ถูกต้อง จะค้าขายอย่างไรให้รวย มีเงินเหลือใช้ มีกำไรเหลือเก็บ

ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) จัด โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 3 ขึ้น เพื่อติดอาวุธทางความคิดให้แก่เหล่าพ่อค้าแม่ค้า ให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างวินัยทางการเงิน โดยเปิดอบรมให้ความรู้ถึง 4 เรื่อง คือ การสร้างเครดิตที่ดี, การวางแผนทางการเงิน, การรับมือสังคมไร้เงินสด และการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นพ่อค้าแม่ค้า 4.0 ยุคใหม่ โดยลุยเปิดอบรมถึงที่ตลาดถนอมมิตร ถนนวัชรพล

โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 3 เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่ตอกย้ำสโลแกน “ใครไม่เห็น เราเห็น” ภายใต้แนวคิด “ทุกคนคือคนสำคัญ” ของธนาคารไทยเครดิตฯ ที่สนับสนุนลูกค้าให้สามารถเติบโตทางธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าให้ดีขึ้น

คุณนาธัส กฤตวรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารไทยเครดิตฯ เผยว่า “เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ  โดยเฉพาะเรื่องของสังคมไร้เงินสด และการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ เพราะความรู้ด้านการเงินไม่มีสอนในโรงเรียน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ด้านเหล่านี้ ดังนั้นหากพ่อค้าแม่ค้านำความรู้จากการอบรมไปปฏิบัติ จะสามารถสร้างประโยชน์ในระยะยาวและยั่งยืน ทั้งในด้านธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น เพราะเราตระหนักว่าพ่อค้าแม่ค้าเป็นกลุ่มฐานรากที่ชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารไทยเครดิตฯ ในฐานะเป็นสถาบันการเงิน จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ กระตุ้นให้คนไทยรู้จักการใช้จ่าย อดออม อย่างถูกต้อง”

โดย คุณวิศรุต ฝอดสูงเนิน ผู้จัดการฝ่ายการบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยเครดิตฯ วิทยากรให้ความรู้ในโครงการฯ มีคำแนะนำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด รวมถึงการขายออนไลน์ว่า “พ่อค้าแม่ค้าต้องรู้จักวางแผนการเงิน และรักษาเครดิตดีของตัวเองไว้ เพราะเครดิตบูโรคือประวัติวินัยทางการเงินของตัวเราที่สถาบันการเงินจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการอนุมัติให้สินเชื่อกู้ยืม นอกจากนี้เรื่องของการออมเงินจะนำไปสู่การวางแผนทางการเงินในอนาคต ซึ่งสูตรง่ายๆ ของการออมคือ หักเงิน 40% จากรายได้ทั้งหมดมาเป็นเงินออม แต่ต้องไม่น้อยกว่า 10%  และปัจจุบันโลกพัฒนาสู่ยุค 4.0 เข้าสู่สังคมไร้เงินสด ที่ร้านค้าต่างๆ ควรจะมี QR Code ให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้แม้ไม่มีเงินสด รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ”

ด้านพ่อค้าแม่ค้าในตลาดถนอมมิตร ที่ได้เข้าร่วมอบรมในโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 3 อย่าง แววจินดา  ติ้วทอง แม่ค้าขายขนมไทยโบราณ เผยความรู้สึกที่ได้เข้าอบรมในครั้งนี้ว่า “ที่ผ่านมาไม่เคยทำบันทึกรายรับ – รายจ่าย แต่หลังจากนี้ไปจะเริ่มทำตามในสิ่งที่ธนาคารให้ความรู้มา เพราะที่ผ่านมาจะดูจากของที่ขายว่าขายหมดหรือไม่ และในทุกวันๆ จะแบ่งเงินที่จะใช้เป็นทุนในการขายของวันต่อไปแยกออกมา ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปฝากธนาคารทุกวัน เพราะตัวเองเป็นคนให้ความสำคัญกับการออมเงินมาก หากวันใดที่เราจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน อย่างน้อยเราก็มีเงินออมนี้นำมาใช้ได้ทันที หรือหากในอนาคตต้องการกู้ยืมจากธนาคาร บัญชีเงินออมนี้จะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินของเรา”

ด้าน พัชรพร คงฉิม แม่ค้าขายเสื้อผ้า เผยว่า “สิ่งที่ธนาคารให้ความรู้ในวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องการทำบันทึก รายรับ – รายจ่าย แม้ว่าตัวเองจะทำอยู่แล้ว แต่นับจากนี้ต้องบันทึกให้ละเอียดมากขึ้น แยกเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน และจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องการออม ที่ควรมีการซื้อประกันต่างๆ ไว้ด้วย เพราะที่ผ่านมาตัวเองจะ   ออมเงินด้วยการนำเงินกำไรที่ขายได้ฝากธนาคารไว้ทุกเดือน รวมถึงซื้อสลากเงินออมเพราะได้ทั้งการออมเงินและลุ้นโชคค่ะ”

ส่วน พัทธนันท์ชา กิจดี แม่ค้าลูกโป่ง เผยว่า “ด้วยธุรกิจของตัวเองจะขึ้นอยู่กับเทศกาล อย่างช่วงรับปริญญาปีใหม่ จะขายดีเป็นพิเศษ ดังนั้นบันทึกรายรับ – รายจ่าย เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และทำมาโดยตลอด 3 ปี ตั้งแต่เริ่มค้าขาย เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าในแต่ละเดือนเราขาดทุนหรือกำไรอย่างไร รวมถึงยังเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อของเข้าร้านอีกด้วย เวลาที่ได้กำไรมาจะนำมาแบ่งเป็นเงินออมในรูปแบบการซื้อประกันแบบออมทรัพย์ทุกเดือน รวมถึงลงทุนในหุ้น”

และ เสกสรร เครืองรัมย์ พ่อค้าข้าวสาร เผยว่า “ความรู้ที่ได้ที่ผมสนใจมาก คือการเพิ่มช่องทางการค้าขายผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งผมกำลังคิดและมองหาวิธีการอยู่ แต่ติดปัญหาเรื่องของการขนส่ง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีน้ำหนัก จึงกำลังคิดหาวิธีการขายและส่งสินค้าให้เหมาะสม ซึ่งคิดว่าตัวเองยังต้องหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการค้าขายผ่านโซเชียลมีเดียนี้”

โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 3 ยังมีจัดอบรมตลอดทั้งปี 2562 หากพ่อค้าแม่ค้าตลาดใดสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tcrbank.com ,
www.facebook.com/TCRBank หรือ www.facebook.com/ThaiCreditKitforSociety หรือโทรศัพท์สอบถามที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (02) 697-5454