แม่ค้ายุคใหม่ ไขข้อสงสัย ทำไม “ตลาดสำเพ็ง” ถึงเงียบเหงาสุด ในรอบ 50 ปี

แม่ค้ายุคใหม่ ไขข้อสงสัย ทำไม “ตลาดสำเพ็ง” ถึงเงียบเหงาสุด ในรอบ 50 ปี

หลังจากมีข่าวออกมาว่า บรรยากาศการค้าขาย ในย่านตลาดขายส่งเก่าแก่ อย่าง “สำเพ็ง” เงียบเหงาที่สุดในรอบ 50 ปี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ และสัมภาษณ์ความรู้สึกของแม่ค้าพ่อค้าในบริเวณดังกล่าวไป เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา (อ่านข่าวได้ที่ สำเพ็งเหงามาก! ยอดตกจากหลายพัน เหลือวันหลักร้อย วอน “นายกฯใหม่” ดูแลปากท้องหน่อยจ้า )

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ไปเจอโพสต์ของคุณดรีม Naruchon Nachon เจ้าของธุรกิจรองเท้าสตรี wanderluist ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 5 ปี ได้แสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจ ผ่านการบอกเล่าที่เข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับการค้าขายในย่านสำเพ็ง

โดยเธอเปิดประเด็นจากการตั้งคำถามว่า เพราะอะไร “ตลาดสำเพ็ง” กำลังจะตาย !!! ได้ยินไม่ผิด ตลาด “ขายส่ง” ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เงียบถึงขนาดกางโต๊ะตีปิงปองได้ ยิ่งตอกย้ำคำของ Bill Gates ไปอีก

คุณดรีม กล่าวต่อว่า ตลาดสำเพ็ง เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกับคุณแม่ ในตอนที่เธอลงมาทานอาหารเช้า โดยคุณแม่ของเธอ เริ่มบทสนทนาว่า “ดรีม มีข่าวจะบอก ตลาดใหญ่บิ๊กเบิ้ม สำเพ็ง เงียบจนคนนั่งตบยุง หลับคาร้าน”

โดยคุณแม่ของเธอ เติบโตมากับสำเพ็ง รู้ทุกซอกทุกมุม เพราะครอบครัวทำการค้าขายมาตั้งแต่รุ่นอาม่า และ เธอเองก็ไปเดินที่ตลาดสำเพ็งมาตั้งแต่เด็กๆ  ซึ่งสำเพ็งในสมัยนั้น ทั้งของทั้งคนนั้นเยอะมาก คนแน่นตั้งแต่เช้ามืด แน่นชนิดที่มีโจรกรีดกระเป๋าเยอะมาก

เธอกล่าวว่า จริงๆ แล้วก็ไม่แปลกใจที่ตลาดสำเพ็งจะมาถึงจุดนี้ เพราะเธอมองว่า ที่คน “ไม่มาเดินแล้ว” ได้รับผลกระทบกันมาเป็นทอดๆ ซึ่งเธอสรุปออกมาเป็น 4 ข้อ ดังนี้

  1. “ธุรกิจไหนที่ไม่ทำออนไลน์ ธุรกิจนั้นจะล่มสลาย” โดยเธอให้เหตุผลว่า เพราะพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปเทรนด์ “การซื้อของ” และ “การเสพ” ของในปัจจุบัน เป็นการเสพและซื้อผ่านเน็ตและแอพพลิเคชั่น ทีึ่เป็นลูป แคปรูป-กดแอดไลน์-กดโอนตังค์-ใส่ที่อยู่ โดยที่ไม่ต้องไปเดินร้อน ให้หน้าไหม้ อีกทั้ง สำเพ็ง ยังเป็นตลาดที่เดินทางไปลำบากมาแต่ไหนแต่ไร ที่จอดไม่มี แถมรถไฟฟ้าก็ยังเชื่อมไม่ถึง

2. “เจ้าของร้านยังติดอยู่ในมิติเดิม” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งรุ่นบุกเบิก อย่าง อาเฮีย อาซ้อ ที่เผลอไผล ใน safe zone อีกทั้งยังไม่สันทัดในเรื่องของเทคโนโลยี ตกทอดกิจการมาที่ รุ่น baby bloomer ที่เป็นคนวัยคุณแม่ ที่ยังคง ยึดติดกับ ถึก ทน สู้ สำเร็จมาในความถนัดเดิม ที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้ากับรากฐานที่สร้างมา หากแต่ กระแสโลกนั้นเปลี่ยนไป ถ้าไม่เอาตัวเองออกจากลูปเดิม ก็จะมองเห็นแต่แสงริบหรี่ที่ปลายทางของธุรกิจนั่นเอง

3. หลักการ “ลูกค้า คือ พระเจ้า” ไม่ใช่อุดมคติของคนค้าขายส่วนในย่านสำเพ็ง ซึ่งแม่ค้าพ่อค้าในย่านนี้ เป็นที่กล่าวขานถึงความโหด เกรี้ยวกราด ในเรื่อง การจับแต่ไม่ซื้อ จะมองตาขวาง ซึ่งเมื่อก่อน ช่องทางในการซื้อขายยังไม่เยอะ ลูกค้าที่มาซื้อของจะต้องง้อพ่อค้าแม่ค้า ที่ถึงแม้จะดุก็ต้องง้อ แต่เดี๋ยวนี้ คนฉลาดและมีทางเลือกเยอะขึ้น ในเมื่อพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้น่ารัก ลูกค้าจึงไม่มานั่งง้ออีกต่อไป

4. ถูก Ecommerce ตีตลาดจนกระจุยกระจาย ซึ่งจุด(เคย)แข็งของสำเพ็ง อย่าง “ขายส่ง ได้ถูก” ใกล้จะถึงจุดจบ เพราะ ตลาดอีคอมเมิร์ซ อย่าง Shopee หรือ Lazada แข่งกันจัดโปรโมชั่นแจกโค้ดส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่มีทั้งสินค้ากิ๊ฟต์ช็อป ของเล่น เครื่องเขียน ตุ๊กตา เครื่องประดับ กิ๊บติดผม ของตกแต่ง ยันของกิน ที่สามารถเสิร์ชหาได้หมด ไม่ต้องทู่ซี้เลือก 6 ชิ้น 1 โหล ก็ได้ราคาเทียบเคียงกัน พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืด เข้ากรุงเทพฯ มาขนของจากสำเพ็ง อีกทั้งยังมีสินค้าของจีนเข้ามาขายในเว็บไซต์ ได้ราคาเทียบเคียงกัน เผลอๆ ถูกกว่า

คุณดรีม กล่าวทิ้งท้ายว่า จะโทษว่าเศรษฐกิจไม่ดีทั้งหมด ไม่ได้ ตัวเรานี่แหละต้องช่วยตัวเองด้วย หาหลายๆทางที่จะรอด ในเมื่อวิถีเดิมมันจะตัน ก็ต้องหาพื้นที่หายใจใหม่ กระจายความเสี่ยง

เธอขายรองเท้า wanderlust มา 5 ปี ยอดดรีมโตขึ้นทุกปี สั่งผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้แบรนด์จะมีหน้าร้าน 3 สาขา ล้วนเป็นย่านใจกลางเมือง แต่ยอดขายส่วนใหญ่ มาจากช่องทางออนไลน์ถึง 70%

ฉะนั้นจึงต้องเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า อยู่ถูกช่องทาง มองหาโอกาส และเครื่องมือในการขาย ที่จะตอบโต้ได้แบบละมุน

หลังจากที่เธอโพสต์ความเห็นนี้ออกไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น รวมถึงกดไลก์กดแชร์กันเป็นจำนวนมาก

โพสต์ของคุณดรีม
โพสต์ของคุณดรีม
คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์