ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ผู้ป่วยมีเฮ! สารจากกัญชาไร้แคดเมียม พร้อมรองรับรพ.ทั่วประเทศ ล็อตแรก 1.5 แสนขวด
กัญชา/หลังจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้รับอนุญาตให้ปลูก ผลิต และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 กัญชาให้แก่ผู้ป่วย ในระหว่างที่รอการปลูกกัญชานั้น รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ทาง โรงพยาบาลได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เพื่อขอครอบครองกัญชาของกลางที่มีแคดเมียม จำนวน 662 กิโลกรัม เนื่องจากได้ทบทวนเอกสารที่มีการวิจัยที่ผ่านมาของกัญชาและคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก รวมถึงองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา พบว่ามี Supercritical fluid extraction (SFE) น่าจะเป็นวิธีการสกัดที่ได้สารสำคัญ และมีความปลอดภัยสูง จึงได้นำมาทดลองสกัด พบว่าได้สารสกัดที่มีปริมาณแคดเมียมที่ยอมรับได้คือ 0.02 ppm (ตามมาตรฐานของอาเซียน คือ น้อยกว่า 0.3 ppm) ซึ่งถือเป็นข่าวดีของผู้ป่วยที่กำลังรอคอยกันเป็นจำนวนมาก
นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงการค้นพบนี้ว่า ทางโรงพยาบาลขอขอบคุณ ปปส และ อย. ที่สนับสนุนกัญชาของกลางจำนวน 662 กิโลกรัม ที่มีปริมาณยาฆ่าแมลงในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่ยังมีแคดเมียมอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าข้อกำหนด จึงได้มอบให้ทีมเภสัชกรของโรงพยาบาลไปทำการศึกษาต่อว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ป่วยมียากัญชาที่ปลอดภัยใช้ได้ทันเวลา ซึ่งจากการทำงานของทีมทำให้เราได้สารสกัดกัญชาที่มีปริมาณแคดเมียมในปริมาณที่ปลอดภัย เท่าที่ทราบยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน และต้องขอขอบคุณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ช่วยวิเคราะห์ปริมาณแคดเมียม และสารสำคัญ THC และ CBD ให้
ด้าน ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานยุทธศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ตามทฤษฎีแคดเมียมที่อยู่ในพืชมักจะเป็นรูปเกลือซึ่งละลายน้ำ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธี SFE มาใช้สกัด จึงสามารถดึงสารสำคัญของกัญชาคือ THC, CBD และ Terpene ออกมาได้เพราะไม่ละลายน้ำ ในขณะที่แคดเมียมซึ่งอยู่ในรูปเกลือไม่ออกมาด้วย ขณะนี้รอเพียงผลปริมาณสารสำคัญเท่านั้น เมื่อทราบผลแน่ชัดเราก็จะเร่ง สกัดและผลิตในทันที ขณะนี้ได้เตรียมสถานที่ผลิตยาในระบบ GMP PIC/S ไว้แล้ว
“จากการคาดการณ์ปริมาณที่จะผลิตได้ 1 กิโลกรัม จะได้ประมาณ 220 ขวด (ขวดละ 5 กรัม) ขณะนี้เรามีกัญชาของกลางอยู่ 662 กิโลกรัม สามารถสกัดได้ทั้งสิ้น 154,000 ขวด ซึ่งคงจะจำหน่ายให้โรงพยาบาลอื่นด้วย และจะจัดฝึกอบรมให้แก่โรงพยาบาลที่มีความประสงค์จะซื้อไปจำหน่าย เพราะทีมแพทย์และเภสัชกรของเราได้พัฒนาระบบการคัดกรองผู้ป่วย การติดตามประสิทธิผลและความปลอดภัยที่โรงพยาบาลอื่นๆ สามารถนำไปใช้ได้เลย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาที่มีความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้คาดว่าการดำเนินการสกัดน้ำมันกัญชาจะแล้วเสร็จภายในสองเดือน” ภญ.ดร.สุภากรณ์ กล่าว