ผู้เสียหาย ‘จ่อฟ้อง’ บุฟเฟ่ต์ร้านดัง หลังนิ่งเฉยไม่คืนเงิน

ตกเป็นจำเลยของสังคมมาหลายหน จนล่าสุดเหมือนสถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เมื่อ เพจ ปลั๊กไทย by มหาชะนี ออกมาระบุว่า ร้านอาหารแหลมเกตได้ปิดตัวลงเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางผู้เสียหายที่ซื้อ Gift Voucher หรือบัตรของขวัญไปไม่ต่ำกว่า 4,000 คน  มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท  

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ สอบถามความคิดเห็นไปยังลูกค้าของร้านอาหารดังกล่าวกรณีที่จู่ๆ ทางร้านยกเลิกโปรโมชั่นและเตรียมปิดร้านอย่างที่ลือกันไปต่างๆ นานา   

คุณเบ้นซ์ – ขนิษฐา ชาญมัจฉา พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งวัย 29 ปี บอกว่า ซื้อบัตรของขวัญรับประทานอาหารมาในราคาใบละ 99 บาท เมื่อเดือนตุลาคม 61 จำนวน 30 ใบ บัตรดังกล่าวสามารถใช้ได้ถึงเดือน กรกฎาคม ปี 62 โดยส่วนตัวไม่เคยคิดว่าร้านดังจะปิด หากเป็นไปตามข่าวจริง เรียกร้องให้ร้านชดใช้ค่าเสียหาย เพราะจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

“เป็นลูกค้าประจำของร้านแหลมเกตเลยทานตั้งแต่ร้านเปิดที่ตึกอินฟินิต จตุจักร กระทั่งร้านย้ายมาที่ โชว์ดีซี พระราม 9 ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาทางร้านใช้จานกระดาษ จำกัดปริมาณอาหาร เริ่มรู้สึกว่ามาตรฐานลดลง กระทั่งล่าสุดทราบข่าวว่าร้านจะปิดตัว ทำเรื่องขอรับเงินคืน แต่ก็ยังไม่ได้”  

คุณเบ้นซ์  บอกต่อว่า บัตรรับประทานอาหารที่ซื้อมา ขณะนี้เหลือ 10 ใบ มูลค่า 990 บาท ทำเรื่องขอเงินคืนแต่ทางร้านไม่รับผิดชอบ ไม่ติดต่อกลับ อย่างไรก็ตามจะเรียกร้องสิทธิต่อ และพร้อมที่จะรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ต่อไป

ด้าน คุณออม – ธยลักษณ์ มีแสง พนักงานบริษัทเอกชน วัย 39 ปี กล่าวกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ว่า เป็นลูกค้าประจำร้านอาหารแหลมเกต ตั้งแต่ร้านตั้งอยู่ในซอยอารีย์ กระทั่งร้านย้ายมาตึกอินฟินิต จตุจักร ก็ยังตามมาทาน พร้อมกับซื้อบัตรรับประทานอาหารทางร้าน ราคา 99 บาท จำนวน 10 ใบ เมื่อเดือนตุลาคม 61 ซึ่งบัตรดังกล่าวใช้รับประทานอาหารได้ถึงเดือน กรกฎาคม 62 ล่าสุดทำเรื่องขอเงินคืน ทางร้านยังไม่ดำเนินการให้

“ทำเรื่องขอคืนเงินตั้งแต่เดือนที่แล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้เงินคืนเลย แม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ยึดหลักความถูกต้อง เมื่อเป็นความผิดของทางร้าน ทางร้านก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบ หรือหากไม่มีเงินจ่ายผู้เสียหาย ผ่อนชำระก็ยังดี ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้”

อย่างไรก็ตามคุณออมแสดงความคิดเห็นต่อว่า หากร้านอาหารดังกล่าวจะปิดตัวลงก็รู้สึกเสียใจ เพราะเป็นร้านโปรด อยากให้ทางร้านปิดปรับปรุงดีกว่าปิดถาวร

ทางด้านคุณอ้อม ปิยะพร สุชัยเสาวลักษณ์ หญิงสาวเจ้าของร้านขายสินค้าแม่และเด็กที่ซื้อบัตรของขวัญร้านอาหารแหลมเกตมาจำหน่ายต่อ เล่าว่า  ซื้อบัตรรับประทานอาหารร้านดังมาเมื่อเดือนสิงหาคม  61  จำนวน 1, 000 ใบมาขายผ่านเฟซบุ๊ค รวมมูลค่านับแสนกว่าบาท ล่าสุดมีลูกค้านำบัตรมาคืน 10 คน ทางร้านก็ยินดี โดยให้แลกเปลี่ยนเป็นสินค้าแทนเงินสด

“ดิฉันซื้อบัตรของขวัญมาขายต่อได้กำไรเฉลี่ยใบละ 100 บาท ลูกค้าที่ซื้อไป มีทั้งที่นำไปใช้แล้ว บางคนก็ยังไม่ได้ใช้ พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางร้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อนุญาตให้ลูกค้านำบัตรมาคืน โดยมีเงื่อนไข คือ ไม่คืนเงินสด แต่คืนเป็นสินค้าในร้านมูลค่าเท่ากับบัตรที่ซื้อไป”

คุณอ้อม บอกต่อว่า รู้สึกแย่มาก อยากได้เงินคืน อยากได้ความชัดเจนจากทางร้านว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ไม่ใช่เงียบอยู่อย่างนี้ 

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายทั้ง 3 รายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จะเรียกร้องค่าเสียหาย และพร้อมที่จะรวมตัวกันดำเนินการทางร้านให้ถึงที่สุด

 

 

 

“ 

 

 

 

 

 

 

ขณะนี้บัตรของขวัญเหลือ 10 ใบ ตีเป็นมูลค่าแล้ว 990 บาท    

 

                                                                                                                    

พร้อมยกเลิกโปรโมชั่น เนื่องจากยอดจองเกินความคาดหมาย ทำให้วัตถุดิบของทะเลไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อโปรโมชั่นจากทางร้านและยังไม่ใช้บริการ สามารถทำเรื่องขอรับเงินคืนได้ ต่อมาไม่นาน ก็มีการเปิดโปรโมชั่นใหม่ ราคา 555 โดยไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าเหมือนเดิม แต่พบว่า มีคนจำนวนมากที่เข้าไปทวงเงินที่ทางร้านสัญญาว่าจะคืนให้หลังจากซื้อโปรโมชั่นไปในครั้งแรก กลายเป็นดรามาอย่างต่อเนื่อง

 

ล่าสุดพบว่า ร้านแหลมเกต ได้ส่งไลน์ให้ลูกค้าว่า “ทางร้านขออนุญาตปิดปรับปรุงกิจการชั่วคราว เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่ลดน้อยลง ทำให้ขนาดพื้นที่และการให้บริการไม่สอดคล้องกัน สำหรับลูกค้าเรื่องรีฟันวอยเชอร์ ทางบริษัทยังดำเนินการตรวจสอบและทำการประสาานในขั้นตอนปกติ ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามได้ที่อีเมล์”

 

 

ท่ามกลาง

 

กครั้งหลังมีผู้เสียหายกว่า 3000ราย ตบเท้าเข้าร้องเรียนโทษฐานหลอกลวงผู้บริโภ. ตกเป็นจำเลยของสังคมอีกครั้งหลังมีผู้เสียหายกว่า 3,000ราย ตบเท้าเข้าร้องเรียนโทษฐานหลอกลวงผู้บริโภคจากการขายโปรฯ ราคาถูกดึงเงินจากคอบุฟเฟต์แล้วตอบแทนด้วยการ “เลื่อนการจอง”และ “ยกเลิกโปรโมชั่น”ครั้งแล้วครั้งเล่าส่งให้มีผู้เสียหายถูกโกงสูญเงินถึงกว่า7 ล้านบาท!!