เปิดภาพ กัญชาถูกกฎหมาย ดอกแรกของประเทศไทย ใกล้ได้สกัดน้ำมันกัญชา

เปิดภาพ กัญชาถูกกฎหมาย ดอกแรกของประเทศไทย ใกล้ได้สกัดน้ำมันกัญชา

เมื่อเวลา​ 10.30​ น. วันที่ 16​ พ.ค.ที่​ องค์การเภสัชกรรม​ (อภ.)​ นพ.โสภณ​ เมฆธน​ ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม​ กล่าวในงานแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์​ “กัญชาเมดิคัลเกรด​ออกดอกแล้ว” ว่า​ ขณะนี้ต้นกัญชามาตรฐานเกรดทางการแพทย์ของ อภ.ที่ปลูกไปเมื่อวันที่​ 27ก.พ.ที่ผ่านมา​ที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จำนวน 140​ ต้น​นั้น ทั้งหมดเจริญเติบโต เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติด้านการเพาะปลูกที่ดี และเริ่มออกดอกแล้ว จากนี้ยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 8-10 สัปดาห์ หรือประมาณต้นเดือน ก.ค.นี้ ดอกจะโตเต็มที่

สามารถนำไปผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นได้ ซึ่งช่วงนี้ยังต้องอยู่ภายใต้การติดตามอย่างใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญ​ เนื่องจากต้นกัญชาทางการแพทย์มีความอ่อนไหว มีรายละเอียดในการดูแลค่อนข้างมาก โดยจะดูแลเต็มที่เพื่อให้ได้วัตถุดิบกัญชามาตรฐานเกรดทางการแพทย์ ที่ไร้สารอันตรายเจือปน เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นที่มีคุณภาพ สำหรับนำไปใช้ในการวิจัยทดสอบทางคลินิกกับผู้ป่วยที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่มีการกำหนดโปรโตคอล หรือข้อกำหนดร่วมกันในการดำเนินการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง และมีการขออนุญาตคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยในคนเรียบร้อยแล้ว

ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม​ กล่าวว่า ส่วนสำคัญที่จะนำมาผลิตน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น คือ​ ดอกกัญชามาตรฐานเกรดทางการแพทย์ เมื่อได้ดอกกัญชาโตเต็มที่จะเก็บเกี่ยวนำมาทำให้แห้ง และสกัดด้วยเอทานอลโดยใช้เทคนิคเฉพาะ ระเหยเอทานอลหมดจนเหลือเป็นน้ำมัน หลังจากนั้นก็นำมาเจือจางผลิตเป็นน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นที่ทราบความเข้มข้นของสารสกัด THC และ CBD เพื่อให้แพทย์สามารถคำนวนโดสที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้

เนื่องจากร่างกายผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน โรคประจำตัว โรคที่จะรักษา ก็จะใช้ปริมาณสารสกัดที่แตกต่างกัน รวมถึงยาอื่นที่ใช้อยู่แล้วล้วนมีผลต่อการคำนวนปริมาณโดสกัญชาให้แก่ผู้ป่วยทั้งสิ้น​ ดังนั้นผู้ที่จะจ่ายสารกัดน้ำมันกัญชาได้ต้องเป็นแพทย์และเภสัชฯที่ผ่านการอบรมการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ท่านั้น โดยตามแผนการดำเนินงานจะได้สารสกัดน้ำมันกัญชา​สำหรับการหยดใต้ลิ้นขนาด​ 5​ มิลลิกรัม​ จำนวน​ 2,500​ ขวด​ ประมาณปลายเดือนก.ค.นี้​ เพราะ อภ.มีการนำเข้าเครื่องสกัดน้ำมันกัญชาที่มีความพร้อมและทันสมัยมาติดตั้งและทดลองสกัดใช้แล้ว

“การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์​จะมีการติดตาม​ โดยคณะทำงานเพื่อวางระบบการศึกษาวิจัยทางการแพทย์​ เบื้องต้นผู้ที่จะใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา ได้จะดูจากผู้ป่วยที่มีข้อบ่งใช้ ที่ชัดเจนใน 4 กลุ่มโรคก่อน​ ​ซึ่งก็จะร่วมกลุ่มที่มาขอนิรโทษกรรมที่มีข้อบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาด้วย ทั้งนี้ความชัดเจนการจ่ายน้ำมันกัญชานั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 21 พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม จะมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา​ (อย.)​ เป็นผู้ควบคุมคล้ายการจ่ายมอร์ฟีน ส่วนแผนการดำเนินงานเพสที่ 2 ทาง อภ.ก็จะมีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีก 6 เท่า ซึ่งจะปลูกได้ภายในต้นปี 2563 ที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเฟสที่ 3 จะเป็นการปลูกขนาดใหญ่ที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี แต่จะไม่ใช่การผูกขาดอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ก็มีหลายแห่งที่มีการขออนุญาตปลูกเพื่อการวิจัยทางการแพทย์บ้างแล้ว”ผอ.องค์การเภสัชกรรม​ กล่าว และว่าขอย้ำว่ากัญชาไม่ใช่ทางเลือกหลักในการรักษาโรค เพราะการรักษาต้องขึ้นอยู่กับแพทย์แผนปัจจุบันก่อน

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า ในอนาคตหาก อภ.จะมีการจำหน่ายสารสกัดน้ำมันกัญชานั้น ก็อยากให้มั่นใจว่าราคาจะไม่สูงแน่นอน เพราะเท่าที่ทราบ ขณะนี้ในกลุ่มใต้ดินและในต่างประเทศ มีการจำหน่ายกันในราคาซีซีละประมาณ 100-200 บาท ดังนั้นของ อภ.ก็จะจำหน่ายในราคาไม่สูงแน่นอน แต่ยังไม่ได้มีการคำนวณเรื่องราคาที่ชัดเจน เพราะนโยบายหลักของเรา คือ จะมุ้งเน้นให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา และทำการวิจัยทางการแพทย์เป็นหลัก