นายกฯปราศรัยวันสหประชาชาติ ภูมิใจทั่วโลกประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

นายกฯปราศรัยเนื่องในวันสหประชาชาติ 24 ต.ค. ภูมิใจชาวโลกประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มั่นใจความสำเร็จของไทยเป็นพลังขับเคลื่อนสหประชาชาติ

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปราศรัยทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เนื่องในวันสหประชาชาติว่า วันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันสหประชาชาติ ซึ่งมีความหมายสำคัญต่อมวลมนุษยชาติ โดยสหประชาชาติมีวัตถุประสงค์ในการทำหน้าที่เป็นองค์การสากลระหว่างประเทศ ในการบรรเทาทุกข์และแก้ไขปัญหาของโลก จรรโลงสันติภาพและความมั่นคง ปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสร้างเสริมความเจริญรุ่งเรืองแก่มวลมนุษยชาติ ภายหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงประเทศไทยมีบทบาทเข้มแข็งในฐานะสมาชิกสหประชาชาติมาตลอด 70 ปี ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากองค์กรและประเทศสมาชิก ด้วยการมีส่วนร่วมให้ความเห็นและแบ่งปันประสบการณ์แก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจของสหประชาชาติที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งในปี 2559 นี้ เป็นปีเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของสหประชาชาติ โดยเป็นปีแรกของการดำเนินการตามกรอบความร่วมมือสำคัญระดับโลก โดยเฉพาะเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs กรอบเซนไดเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ความตกลงปารีสเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนปฏิบัติการระดมทุนเพื่อการพัฒนา วาระสำคัญเหล่านี้ต้องอาศัยแรงผลักดันในระดับสากลเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นสำหรับโลกของเรา ซึ่งไทยได้ร่วมแสดงบทบาทอย่างแข็งขันและสร้างสรรค์ในประเด็นเหล่านี้ตลอดปีที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อีกประการที่สำคัญในปีนี้ ประเทศไทยได้ทำหน้าที่ในฐานะประธานกลุ่ม 77 ที่แข็งขัน สร้างสรรค์ และชัดเจน ช่วยยกระดับไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างมาก ไทยมีผลงานการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายต่างๆ ของสหประชาชาติอย่างชัดเจน 3 ประการ (1) การสร้างหุ้นส่วนที่กว้างขวางในเวทีโลก อาทิ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับกลุ่ม 20 ในฐานะประธานกลุ่ม 77 (2) การส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ และ (3) การแบ่งปันแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย

“เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน: แรงผลักดันสากลเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของเรา ผมได้กล่าวถึงการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาประเทศและได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านความร่วมมือทวิภาคีและไตรภาคี และการสร้าง เชื่อมโยงหุ้นส่วนด้านการพัฒนาผ่านกรอบความร่วมมือภูมิภาคต่างๆ เช่น อาเซียน BRICS และ ACD รวมถึงการผสานความร่วมมือระหว่างกลุ่ม 20 กับ กลุ่ม 77 ในการเข้าร่วมประชุมของกลุ่ม 20 ล่าสุด ที่นครหางโจว เป็นต้น ผมได้รับรายงานว่า ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานสมัชชาสหประชาชาติได้กล่าวถวายคำไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และที่ประชุมของประเทศสมาชิก 193 ประเทศได้ยืนสงบนิ่งเพื่อถวายเป็นพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย นานาประเทศล้วนประจักษ์ในพระปรีชาสามารถในด้านการพัฒนา และมีอีกหลายประเทศที่กล่าวถวายการยกย่องว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นผู้นำอย่างแท้จริง หลักการเรื่องการพัฒนาของพระองค์ท่านได้รับการยอมรับและนำไปปรับใช้ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลกด้วย ซึ่งประเทศต่างๆ ที่ได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ ได้แสดงความขอบคุณไทย เช่น ติมอร์-เลสเต อินโดนีเซีย ลาว อัฟกานิสถาน เลโซโท ซิมบับเว และนิการากัว ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของไทยในการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีไปสู่ระดับสากล”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ผมยังได้เข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานระดับสูงต่างๆ เพื่อแสดงท่าทีไทยในเวทีระหว่างประเทศ และยืนยันพันธกรณีของไทยต่อสหประชาชาติ อาทิ การประชุมสุดยอดระดับผู้นำด้านผู้ลี้ภัยของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีในการย้ำเตือนให้ประชาคมโลกตระหนักถึงบทบาทที่เด่นชัดของไทยที่ทำงานร่วมกับสหประชาชาติมากว่า 40 ปี รับภาระเรื่องผู้ลี้ภัยมาแล้วกว่าล้านคน โดยให้ความช่วยเหลือบนหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด ผมได้ประกาศคำมั่นที่สำคัญในการดำเนินการของไทยเพื่อให้การช่วยเหลือและดูแลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งคำมั่นของไทยชัดเจนและได้รับการชื่นชมจากประเทศต่างๆ อย่างมาก

“พี่น้องชาวไทยที่รักผมเชื่อว่าความสำเร็จที่กล่าวมา เป็นบทพิสูจน์อย่างดียิ่งต่อความมุ่งมั่นของไทยที่จะมีบทบาทนำที่แข็งขัน ชัดเจน และสร้างสรรค์ และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสหประชาชาติให้บรรลุเป้าประสงค์ในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน การพยายามระงับการพิพาทระหว่างประเทศ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนนำความกินดี-อยู่ดี มาสู่รัฐสมาชิกทุกประเทศ

เนื่องในวันสหประชาชาติในปีนี้ ในนามของรัฐบาลไทย ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และขอแสดงความยินดีต่อนายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งโดยที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 และจะเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติคนที่ 9 ในช่วงต้นปี 2560 ผมเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์และความมุ่งมั่นของนายกุแตเรชจะมีคุณค่าในการขับเคลื่อนให้สหประชาชาติเป็นหน่วยงานที่จะช่วยธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข ความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีของมวลมนุษยชาติยิ่งขึ้นไปอีก ขอย้ำว่า ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติในฐานะสมาชิกที่รับผิดชอบเพื่อประโยชน์และความสุขของโลกของเรา”

 

ที่มา มติชน