“ชมได้-ห้ามชิม” ฮือฮา! ม.รังสิต ตัดริบบิ้น “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” แห่งแรกของไทย

“ชมได้-ห้ามชิม” ฮือฮา! ม.รังสิต ตัดริบบิ้น “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” แห่งแรกของไทย

เมื่อวันที่ 23 เม.ย ที่วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ ชั้น 2 อาคารวิทยาศาสตร์การแพทย์ประสิทธิ์ อุไรรัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เป็นประธานในพิธีเปิด “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” (Medicinal Cannabis Research Centre, College of Pharmacy, RSU)  และกล่าวตอนหนึ่งว่า กัญชาเป็นพืชที่มีคุณค่าและมีประโยชน์มากมาย มีหลักฐานทางวิชาการที่แสดงว่ากัญชามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคหลายชนิด และมีแนวโน้มการนำมาใช้ทางการแพทย์มากขึ้น  มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เล็งเห็นคุณค่าและคุณประโยชน์ของกัญชามาอย่างยาวนาน เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่ขออนุญาตทำงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และได้รับอนุญาตเป็นรายแรกในปี 2560 เป็นต้นมา  โดยมีเป้าหมายเพื่อวิจัยและพัฒนายาและตำรับยาที่พัฒนาจากกัญชาให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล  ผลงานวิจัยกัญชาด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์และถือเป็นการบูรณาการ การทำงานร่วมกันของวิทยาลัยและคณะต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง   มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้จัดตั้ง “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” ขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานวิจัยกัญชาได้ทุกมิติ เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติในการบำบัดโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น

ดร.อาทิตย์ กล่าวอีกว่า  กัญชา มีค่ามากกว่าทองคำ เป็นเหมือนเหมืองเพชร แต่ประเทศเราไม่เคยเห็นคุณค่ากระทั่งเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว มหาวิทยาลัยรังสิต เริ่มคิดแบบแผลง ๆ นอกกรอบ ทำการวิจัยกัญชา ไม่ใช่แค่การเอามาต้ม เอามาเคี่ยว แต่นำมาสกัด อย่างชนิดที่เรียกว่ามีคุณภาพทางวิทยาศาสตร์อย่างสูงที่สุด และได้พบว่า กัญชา มีคุณค่ามหาศาล นำมาซึ่งการรักษาสุขภาพให้ดีขึ้น การสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น การสร้างสังคมให้ดีขึ้น มีคุณค่ามีประโยชน์ทุกอย่าง

“ม.รังสิต ลุยวิจัยเรื่องกัญชาเป็นแห่งแรก ตอนนั้นผิดกฎหมายด้วย ขวางโลกด้วย  เราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเล็ก ๆ แต่อยากทำเรื่องนี้จริงจัง เพราะถือว่ากัญชาเป็นโภคยทรัพย์ เป็นทรัพยากรดีที่สุดของประเทศไทย ที่ควรหวงแหน ส่งเสริมและพัฒนาไว้ให้เป็นของคนไทย ปัจจุบัน เรามีนักวิจัยที่มีคุณภาพมากที่สุดในประเทศไทย ขณะนี้มีอยู่เกือบ 40 ท่าน”ดร.อาทิตย์ กล่าว

และว่า การทุ่มเททำในเรื่องกัญชา นี้ เพราะต้องการให้คนในประเทศ  อยู่ดีกินดี ร่ำรวย รุ่งเรือง ที่ผ่านมานอกจากจะลงทุนกับบุคลากรในการวิจัยแล้ว ยัง ลงทุนกับเครื่องมือไปแล้วกว่า 40 ล้านบาท เป็นการสั่งเครื่องมือดีที่สุดในโลกมาใช้ กระทั่งสามารถผลิตยาได้หลายตำรับแล้ว

“ถ้าถามว่ากัญชาเอามาจากไหนล่ะในเมื่อมันผิดกฎหมาย ต้องอธิบายว่า เราได้รับอนุญาตให้ปลูกเป็นแห่งแรกของประเทศไทยในระบบปิดแบบถูกกฎหมาย เรามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากดูแลในแต่ละด้าน ฉะนั้นเราไม่ได้ทำกันเล่น ๆ ทุ่มเทเพื่อประเทศไทย เราจะเป็นมหาอำนาจโลกได้ทางกัญชา มันต้องเป๊ะในทุกด้าน ในการวิจัยใช้พื้นที่ปลูกกัญชาทั้งหมด 32 ตารางเมตร ปลูกได้ประมาณ 50 ต้น นี่ถ้าจะทำจริง ๆ ก็คงไม่พอ เราต้องเลือกพันธุ์กัญชาที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ประโยชน์ที่สูงที่สุด โดยเราจะพูดถึงแค่เฉพาะเรื่องของทางการแพทย์ ไม่ใช่สันทนาการ แต่การแพทย์ของเราสามารถตีความในวงกว้าง ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะยาอย่างเดียว อาหารเสริม ยาแพทย์แผนไทยทั้งหลาย ซึ่งต้องถือว่าเพื่อการแพทย์ด้วยเช่นเดียวกัน”ดร.อาทิตย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากสื่อมวลชนจำนวนมากเข้าร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้แล้ว ยังมีประชาชนผู้สนใจอีกกลุ่มใหญ่ ขอเข้าร่วมสังเกตการณ์พิธีเปิด ““สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” แห่งแรกของไทยแห่งนี้ด้วย ซึ่งทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยรังสิต ยินดีให้เข้าร่วมชมห้องปฏิบัติการและรับฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ทุกขั้นตอน ชนิดที่ว่าอนุญาตให้ชมได้ทุกอย่าง แต่ “ห้ามชิม” เท่านั้นเอง