คนรักแมว-สัตวแพทย์ ชี้ กรณีคาเฟ่ดังทารุณกรรมแมว เป็นเรื่องหดหู่ แต่ยังไม่กระทบธุรกิจ

เครดิตรูปจากเพจ ทัฬอิญ เสรีรวมไทย บึงกุ่ม รามอินทรา

คนรักแมว-สัตวแพทย์ ชี้ กรณีคาเฟ่ดังทารุณกรรมแมว เป็นเรื่องหดหู่ แต่ยังไม่กระทบธุรกิจ

จากกรณีข่าวสุดช็อก! เมื่อเพจ ทัฬอิญ เสรีรวมไทย บึงกุ่ม รามอินทรา ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือแมวใน คาเฟ่แมว ชื่อดังแห่งหนึ่งย่านวัชรพล ที่ถูกร้องเรียนว่าทารุณกรรมแมวด้วยวิธีกักขังหน่วงเหนี่ยว เพื่อบังคับผสมพันธ์ุเป็นพันธุ์สฟิงซ์ พบแมวถูกทิ้งไว้กว่า 50 ตัว และซากศพในตู้เย็นอีกนับไม่ถ้วน ก่อนเจ้าของจะหลบหนีไปไร้การติดต่อ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง สุดช็อก! บุกคาเฟ่แมวกลางกรุง ช่วย 50 ชีวิต ซากแช่ตู้เย็น เพาะพันธุ์ประหลาด

ทีมข่าวเส้นทางเศรษฐีสอบถามไปยัง ผู้ประกอบการธุรกิจคาเฟ่แมว คุณมณิสร ชาวไชยา เจ้าของโรมแรมแมวแคทอินน์ ที่เปิดมานานกว่า 6 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะเจ้าของโรงแรมแมวแคทอินน์ รู้สึกหดหู่มากหลังจากเห็นข่าว อยากเตือนคนที่จะนำแมวไปฝากเลี้ยง ควรเข้าไปดูสถานที่จริงด้วยตนเองก่อน เช็กให้ดีว่าเปิดบริการนานแค่ไหน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ถ้าทางโรมแรมซื่อสัตย์จริงใจเขาต้องให้ดู ยอมเสียเวลา สักนิดตรวจสอบให้ดีๆ ก่อนใช้บริการ

สำหรับผลกระทบต่อการทำธุรกิจนั้น คุณมณิสร เผยว่า แม้ว่าธุรกิจคาเฟ่แมวกับบริการรับฝากแมว จะมีความคล้ายกัน ก็ไม่น่าได้รับผลกระทบ แต่ลูกค้าจะมีการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น ก่อนเข้าไปฝาก

เช่นเดียวกับ คุณนนท์ศักดิ์  โพธิ์เวียง ผู้ใช้บริการรับฝากแมวตามสถานที่ต่างๆ มาเป็นเวลา 15 ปี กล่าวว่า รู้สึกสงสารแมวที่ถูกทารุณกรรม หลังจากเห็นข่าวนี้อาจเลิกฝากแมวไปเลย คิดว่าธุรกิจคาเฟ่แมว ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าเป็นธุรกิจฝากเลี้ยงแมวอาจจะมีผล

คุณนนท์ศักดิ์ กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับแมวสายพันธุ์สฟิงซ์เป็นแมวที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะคนมีฐานะในต่างประเทศ ราคาสูงถึง 6 หลักเลยทีเดียว

 

ด้าน หมอเมย์ สัตวแพทย์ ประจำ โรมแรมรับฝากแมว Cat hotel กล่าวทิ้งท้ายว่า ธุรกิจรับเลี้ยงแมวกับคาเฟ่แมวไม่น่าจะได้รับผลกระทบเท่าไหร่ แต่ข่าวนี้สร้างความสะเทือนขวัญให้กับแวดวงสัตวแพทย์ไม่ใช่น้อย