พรทิพย์ อัษฎาธร เนรมิต ”เพ ลา เพลิน” เปิดพิพิธภัณฑ์เก็บชุดหรูอลังการ

เปิดให้บริการมาเป็นปีที่ 3 แล้ว สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง เพ ลา เพลิน ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร เชื่อว่านักเดินทางจำนวนไม่น้อยคงไปเที่ยวชมความงามของดอกไม้เมืองหนาวสารพัดชนิดของที่นี่กันมาแล้ว รวมทั้งแปลงผักผลไม้อย่างสตรอเบอร์รี่ องุ่น ลูกหม่อน ฯลฯ พร้อมแหล่งเรียนรู้อื่นๆ กิจกรรมผจญภัยต่างๆ และโรงแรมบูติก เรียกว่าต้องใช้เวลาเป็นวันถึงจะดูและเล่นได้ทั่ว

วันนี้ คุณพรทิพย์ อัษฎาธร เจ้าของ เพ ลา เพลิน จะมาบอกเล่าให้ฟังว่า 2 ปีที่ผ่านมา ฟีดแบ็กของผู้มาเที่ยวชมเป็นอย่างไร และในอนาคตที่นี่จะมีอะไรใหม่ให้ได้สัมผัสกันอีกบ้าง

img_6352

ชูดอกกระเจียวส่งออก

คุณพรทิพย์ แจกแจงว่า ในส่วนของอุทยานไม้ดอกไม้ประดับที่มีอาคารอยู่ 7 หลัง จะให้ความรู้ทุกๆ โรงเรือน นอกจากในเรื่องของพันธุ์พืชแล้วยังมีเรื่องศิลปะการโชว์ ซึ่งจะเปลี่ยนธีมในทุกๆ ปี อย่างต้นปีนี้เป็นธีม เจ้าหญิงทิวลิป ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาถ่ายรูป มีรถไฟเพิ่มเติมเข้ามา มีการปรับโชว์ทุกๆ ฤดูกาล อย่างปีนี้พอจบจากโชว์ดอกทิวลิปแล้ว เป็นงานที่ทำร่วมกับศิลปินที่วาดภาพสีน้ำมาสอนเด็กให้วาดภาพ

อย่างพันธุ์พืชพอเข้าหน้าหนาวจะเป็นเรื่องของฤดูกาลกระเจียว (Siam Tulip) ที่เป็นกระเจียวสายพันธุ์ปรับปรุงเพื่อการส่งออก ซึ่งสายพันธุ์นี้กำเนิดในอีสานใต้ ตอนนี้นักวิจัยสามารถที่จะพัฒนาสายพันธุ์ให้แข็งแรงเป็นตัวตัดดอกส่งออกได้ มูลค่าปีหนึ่งร่วม 300 กว่าล้านบาท เป็นรองแค่จากกล้วยไม้เท่านั้น อันนี้ทางเพ ลา เพลิน นำเข้ามาทำ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ ว่า จริงๆ กระเจียวพื้นบ้านเราก็ขายได้

“คือบ้านเราอยากเห็นไม้หนาว บ้านเขาก็อยากเห็นไม้ร้อนอย่างนี้ แล้วมาแลกเปลี่ยนกัน ถ้าในช่วงเทศกาลกระเจียวจะเต็มไปด้วยกระเจียวหลากสีสัน ซึ่งเป็นกระเจียวสายพันธุ์ปรับปรุงแล้ว มูลค่าในการส่งออก ตกดอกหนึ่ง 30-40 บาท”

img_6347

นักท่องเที่ยวตรึมทั้งไทย-เพื่อนบ้าน

ถามเรื่องของการคืนทุนที่ลงทุนไปหลายร้อยล้านบาท คุณพรทิพย์ ระบุว่า “ยังค่ะ เราลงทุนไปเรื่อยๆ อย่างที่เห็น เนื้อที่เกือบ 400 ไร่ ซึ่งมีการพัฒนาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กๆ แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างเรื่องของการขยายโรงเรือนในการทำโชว์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในปีนี้ พร้อมขยายในส่วนของห้องพักโรงแรม”

เธอว่า จากผลประกอบการ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ไปได้ดี เพราะแม้จะยังไม่คืนทุน แต่รายได้ที่เข้ามาก็สามารถเลี้ยงพนักงานเกือบ 200 ชีวิตได้

“เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาทุกๆ วัน มีรายได้ทุกวัน ในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ จะดีในช่วงเทศกาล ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่เราดีในวันธรรมดา เพราะได้นักท่องเที่ยวในส่วนของเด็กมาทัศนศึกษา มาทำกิจกรรม มาทานอาหารกลางวัน แล้วมีการปลูกต้นไม้เอากลับบ้าน อย่างในช่วงเทศกาลกระเจียวก็ทำโครงการทุ่งกระเจียวคืนถิ่น เราให้ปลูก อย่างเวลาเด็กเข้ามาตรงแปลงองุ่น เราจะสอนเขาว่าใช้พันธุ์อะไรปลูก วิธีการปลูกอย่างไร”

img_6393

ในส่วนนักท่องเที่ยวของเพ ลา เพลิน นั้น ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะมาเยอะมาก อย่างเช่นช่วงปีใหม่สูงสุดวันละประมาณ 25,000 คน ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่แค่เด็กหรือนักท่องเที่ยวในภาคอีสานที่เข้ามาทำกิจกรรมและพักค้างคืน แต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากกรุงเทพฯ และจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาและลาวด้วย

คุณพรทิพย์ ย้ำว่า หากไม่ขยายการก่อสร้างเพิ่มเชื่อว่าภายใน 5 ปีก็คืนทุนได้แล้ว แต่ที่ผ่านมามีการทำสวนน้ำและลานดนตรีเพิ่ม

“สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะลงทุนและทำในอนาคตคือ การทำมิวเซียมไว้เก็บชุดสวยๆ เพราะว่าในทุกฤดูกาลจะมีการโชว์ เช่น โชว์ชุดอาเซียน ชุดนานาชาติ ซึ่งได้ช่างฝีมือระดับประเทศมาทำให้สวย พอเสร็จโชว์แล้วเอาไปไหน ไม่มีที่ไว้ บางชุดที่ใช้แสดงแฟชั่นโชว์ เป็นชุดไข่มุกแท้ ล้านกว่าบาท เลยคิดว่าน่าจะนำชุดพวกนี้ที่เป็นสตอรี่ (Story) ทำเป็นมิวเซียมให้เด็กมาต่อยอดได้ เราอาจจะต้องลงทุนเพิ่มเป็นแหล่งให้เขาศึกษาได้ เป็น Story of Carnival หรือในเรื่องของการทำโชว์ในแต่ละฤดูกาล”

img_6279

ปลูกผลไม้ให้เด็กได้เรียนรู้

ในส่วนที่ว่า 2 ปีกว่าที่ผ่านมาเจอปัญหาอะไรบ้าง คุณพรทิพย์ ให้ข้อมูลว่า ปัญหาอย่างเดียวคือเรื่องความร้อน แต่ว่าถ้าเทียบกับที่อื่น จะร้อนกว่าที่เพ ลา เพลิน เยอะ เพราะที่นี่มีต้นไม้เยอะ และเมื่อเข้ามาในแต่ละโรงเรือนจะเป็นจั่วแบบอีสานใต้ ข้างบนมีซาแรนที่นำเข้าจากประเทศอิสราเอล ช่วยบล็อกแสงสะท้อน เป็นไทเทเนียม เนื่องจากในโรงเรือนไม่ได้ใช้แอร์ จึงต้องใช้ระบบที่ประหยัดพลังงาน โดยใช้พัดลมที่มีน้ำวิ่งผ่าน แล้วก็มีพัดลมดูดความร้อนออกข้างบน

เธอให้คำแนะนำสำหรับนักธุรกิจ หรือผู้ประกอบการที่สนใจปลูกไม้เมืองหนาวในอีสานอย่างสตรอเบอร์รี่ว่า แม้ดูว่าเป็นไม้หนาว แต่ไม่ได้ยากเลยทีเดียว ก่อนอื่นต้องเตรียมความพร้อมของดิน สภาพอากาศก็ไม่ได้ว่าต้องการหนาวมาก ในการเตรียมดิน ต้องมีเวลาเตรียมพอสมควรเพราะต้องหมักปุ๋ย แล้วให้ปล่อยความร้อนออกได้ที่แล้วถึงจะใส่ต้นอ่อนเข้าไป ปัจจัยสำคัญไม่ได้ว่าต้องใช้ทุนเยอะ แต่อยู่ที่ว่าต้องใช้การใส่ใจดูแล

ว่าไปแล้วผู้คนที่มาเที่ยวเพ ลา เพลิน อาจจะนึกถึงแต่ดอกไม้ แต่จริงๆ แล้วที่นี่มีไม้ผลเมืองหนาว รวมทั้งไม้ผลทั่วไปให้ได้ชมได้ซื้อกันด้วย

img_6404

“เพ ลา เพลิน มีผลไม้หลายอย่าง เช่น เสาวรส คือพยายามปลูกอะไรก็ได้บนดิน อะโวกาโดก็มี มัลเบอร์รี่ก็เริ่มให้ลูกที่หวาน เสาวรสเราก็หวาน ให้ผลผลิตดีมากเลย ของเราน้ำใต้ดินเยอะ เลยให้ผลทั้งปีเลย น้ำก็บริสุทธิ์มาก ปลูกทิวลิปได้ ที่นี่เน้นใช้อินทรีย์ เพราะเราเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ ด้วย จุดเด่นของเราอีกอย่างคือ องุ่น เป็นสายพันธุ์ Beauty Secret ปลูกเพราะต้องการให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การตัดต่อกิ่ง การแต่งกิ่ง ต้องการทำสิ่งที่ไกลตัวเข้ามาเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว เพื่อให้เด็กแถวนี้ได้มีโอกาสในการศึกษาเรียนรู้”

นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่มาเที่ยวเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังได้สาระความรู้ติดตัวกลับไปด้วย