‘เชียงราย’ ยังวิกฤต! ฝุ่นตลบ ‘ชายแดนไทย-เมียนมา’ หวังพึ่งฝนชำระล้าง

‘เชียงราย’ ยังวิกฤต! ฝุ่นตลบ ‘ชายแดนไทย-เมียนมา’ หวังพึ่งฝนชำระล้าง

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวบ้านและเจ้าของกิจกการต่างๆในพื้นที่อำเภอแม่สาย จ.เชียงราย ช่วยกันออกฉีดตามบ้านเรือนและสถานประกอบการ เพื่อชำระล้างและลดปริมาณหมอกควันตามมาตรการของ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่ขอความร่วมมือให้ทุกครัวเรือนช่วยกันฉีดพ่นในระยะนี้ หลังปริมาณฝุ่นละอองในอากาศจากหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 มีปริมาณ 352 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือพีเอ็ม 10 มีปริมาณ 395 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนเขต อ.เมืองเชียงราย พบมีค่าพีเอ็ม 2.5 มีปริมาณ 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 มีปริมาณ 339 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเพิ่มมากขึ้นกว่าวันที่ผ่านมา ทำให้มีหมอกควันไฟปกคลุมทั้งชายแดนด้านจังหวัดเชียงรายและฝั่งเมืองท่าขี้เหล้ก ประเทศเมียนมา โดยที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ ต้องรอให้ฝนและพายุลมพัดแรงเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีประกาศของทางกรมอุตุนิยมวิทยาออกมาต่ออย่างไร

นายอนันต์ สมุทรารินทร์ นายอำเภอเวียงป่าเป้า กล่าว่า ได้เกิดไฟไหม้บริเวณอ่างเก็บแม่ฉางข้าว หมู่ 10 ต.ป่างิ้ว ซึ่งทางหน่วยดับไฟเคลื่อนที่ 3 ได้ร่วมกับชาวบ้านเข้าดับไฟได้อย่างรวดเร็วหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาพบเกิดไฟไหม้ลุกลามเป็นแนวกว้างและดับได้เป็นบางจุดเนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชันยากต่อการเข้าดับไฟจึงได้ทำแนวกันไฟเพื่อมิให้ลุกลามออกนอกพื้นที่เอาไว้แล้ว

ด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย กล่าว่า สถานีควบคุมไฟป่าลำน้ำกก เจ้าหน้าที่ได้ออกดับไฟไหม้ทางทิศออกของสถานีพัฒนาเกษตรที่สูง บ้านปางขอน หมู่ 7 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย บ้านโป่งกลางน้ำ หมู่ 12 ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณเป็นบริเวณกว้างจนสามารถควบคุมไฟเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันได้นำรถบรรทุกน้ำออกดับไฟข้างทางตามเส้นทางน้ำตกขุนกรณ์-บ้านปางขอนด้วย