อยากรู้ไหม!! อาชีพไหนอยากเปลี่ยนงานใหม่มากที่สุด

จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย เผยข้อมูลรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมและมุมมองของมนุษย์เงินเดือนทั้ง 3 เจนเนอเรชันเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงานในปัจจุบันจากกลุ่มตัวอย่างคนทำงานประจำทั่วประเทศกว่า 1,800 คน พบว่าเป็นกลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนงาน คิดเป็น 59.26% และกลุ่มคนที่ยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนงาน คิดเป็น 40.74%

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) เปิดเผยว่า กลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนงานพบว่ามี  3 อาชีพที่มีสัดส่วนคนมีแผนจะเปลี่ยนงานสูงที่สุด ได้แก่ 1.การตลาด คิดเป็น 31.67% ตามมาด้วย 2.คลังสินค้า คิดเป็น 28.26% และ 3.ประสานงานทั่วไป คิดเป็น 27.27%  ในขณะที่ระดับตำแหน่งงานของคนที่ต้องการเปลี่ยนงานมากที่สุด คือ ระดับปฏิบัติการ ระดับอาวุโส และระดับผู้จัดการ

นอกจากนี้ลักษณะงานที่คนมีแผนจะเปลี่ยนงานคาดหวังหลังย้ายงานยังคงต้องการทำงานประจำอยู่ ตามมาด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจ และฟรีแลนซ์

สำหรับลักษณะองค์กรที่ต้องการทำงานด้วยมากที่สุด คือองค์กรเอกชนต่างชาติ องค์กรเอกชนไทย และรัฐวิสาหกิจ ตามลำดับ

ในขณะที่ผลสำรวจของกลุ่มคนที่ยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนงานพบปัจจัยที่น่าสนใจที่ทำให้ยังไม่อยากเปลี่ยนงานคือการเดินทางสะดวก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และหัวหน้างานที่ดี

ส่วนผลการสำรวจของกลุ่มคนที่ยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนงาน (Passive Job Seekers) พบว่ามี 5 ปัจจัยที่ทำให้พึงพอใจในงานปัจจุบัน ได้แก่ 1.เงินเดือน คิดเป็น 15.49% 2.สวัสดิการที่ดี คิดเป็น 12.73% 3.การเดินทางสะดวก คิดเป็น 12.47% 4.เพื่อนร่วมงานที่ดี คิดเป็น 12.08% และ 5.หัวหน้างานที่ดี คิดเป็น 9.49%

โดยจะเห็นได้ว่าปัจจัยที่น่าสนใจนอกเหนือจากเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการที่สามารถดึงดูดให้คนยังอยากอยู่กับองค์กรต่อไปได้ คือ การเดินทางสะดวก เพื่อนร่วมงานที่ดี และหัวหน้างานที่ดี

ทั้งนี้ผลสำรวจยังถามถึงปัจจัยที่จะสามารถจูงใจให้คนทำงานกลุ่มนี้ตัดสินใจเปลี่ยนงานได้ พบว่าการได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยที่ดึงดูดมากที่สุด ตามมาด้วย การได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้น ตำแหน่งงานมีความก้าวหน้ามากขึ้น อีกทั้งองค์กรต้องมีความมั่นคง และการเดินทางไปทำงานสะดวก ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลข้างต้นจะทำให้องค์กรสามารถเข้าใจพฤติกรรมตลอดจนมุมมองความคิดของฝั่งคนทำงานในปัจจุบัน พร้อมนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้ในเรื่องการบริหารจัดการพนักงานเพื่อจูงใจและรักษากลุ่มคนเหล่านี้ให้อยู่กับองค์กรต่อไปได้ นางสาวแสงเดือน กล่าวทิ้งท้าย