ล่าชื่อปลดผู้ว่าฯ เชียงใหม่ หลังฝุ่นพิษวิกฤต เจ้าตัวขอบคุณ ยันทำเต็มที่ ชี้สถานการณ์ไม่เลวร้าย

ล่าชื่อปลดผู้ว่าฯ เชียงใหม่ หลังฝุ่นพิษวิกฤต เจ้าตัวขอบคุณ ยันทำเต็มที่ ชี้สถานการณ์ไม่เลวร้าย

เมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่บริเวณประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะ ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ ทำการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนที่ผ่านไปมา เพื่อนำไปสวมใส่ป้องกันตัวเองจากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินมาตรฐานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หลังจากที่วันนี้ทั่วพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียง เผชิญปัญหาดังกล่าวอย่างรุนแรง และน่าจะมากที่สุดนับตั้งแต่ที่ประสบปัญหาในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้

นายศุภชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการต่างๆ ทั้งการรณรงค์ และควบคุมการเผาอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหามาโดยตลอด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม เนื่องจากกระแสลมได้พัดพาเอาหมอกควันจากนอกพื้นที่เข้ามา และประกอบกับสภาพภูมิประเทศของ จ.เชียงใหม่ ที่เป็นแอ่งกระทะ รวมทั้ง ฝนขาดช่วง ทำให้ปัญหาเกิดการทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่จะเร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อคลี่คลายปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งการฉีดพ่นละอองน้ำทั่วทุกพื้นที่ และการเข้มงวดควบคุมไม่ให้มีการเผา ทั้งในพื้นที่เกษตรและในป่า

ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการตั้งประเด็นและเกิดกระแส เกี่ยวกับการดำเนินการมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหานั้น นายศุภชัย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงาน อย่างเต็มที่มาโดยตลอด และจะทำอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย ในช่วงที่สถานการณ์ปัญหามีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อสุขภาพ อยากแจ้งเตือนประชาชนให้ดูแลและป้องกันตัวเอง ด้วยการงดออกทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากมีความจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้ง

สำหรับความเป็นไปได้ในการประกาศให้ จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติหมอกควันนั้น ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น และยังสามารถใช้กลไกรวมทั้งกฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามถึงกรณีที่เว็บไซต์ change.org มีผู้ตั้งแคมเปญรณรงค์ ให้ประชาชนร่วมลงชื่อถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้มีการเปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากความไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาหมอกควันนั้น นายศุภชัย นิ่งเงียบ และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ แต่กล่าวเพียงว่า ขอบคุณ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ผลการวัดค่าคุณภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่จากแอพพลิเคชั่น AirVisual พบว่าพุ่งสูงถึง 520 ตามดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ซึ่งอยู่ในระดับเกณฑ์สีน้ำตาล 300+ (Hazardous) ถือเป็นอันตรายร้ายแรงต่อคนที่อยู่ในพื้นที่และสูดฝุ่นละอองเข้าไป