มูลนิธิสืบฯ แถลงขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ทิ้งคดีเสือดำ หวังเป็นบทเรียนสังคมไทย

ขอบคุณภาพ เว็บไซต์ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

มูลนิธิสืบฯ แถลงขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ทิ้งคดีเสือดำ หวังเป็นบทเรียนสังคมไทย

จากกรณีที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ด่วน! ศาลพิพากษาคุก 16 เดือน ‘เปรมชัย’ ชดใช้กรรมคดีฆ่าเสือดำ

ล่าสุดวันที่ 19 มี.ค. 62 ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ผู้พิพากษามีคำสั่งให้นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทาสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติ จำคุก 6 เดือน ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ยกฟ้องข้อหาร่วมกัน

ต่อมา เว็บไซต์ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ใจความว่า 

“จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก มีการตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้ง พร้อมทั้งอาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ สรุปสำนวนสั่งฟ้องในข้อหาสำคัญ ทั้งการร่วมกันล่าสัตว์ป่า และร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าอย่างครบถ้วน โดยพนักงานอัยการได้สรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 ศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2561 และศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้(19 มีนาคม 2562)

ถึงแม้ผลคำพิพากษาอาจเป็นหรือไม่เป็นไปดังที่สาธารณชนคาดหวัง แต่เชื่อว่าเหตุการณ์กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่สังคมไทยได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งในแง่กฎหมายที่หลายสื่อต่างออกมาให้ข้อมูลการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีให้สาธารณชนรับทราบและทำความเข้าใจถึงขั้นตอนตามกฎหมายในแต่ละช่วงเวลา เพื่อไม่ให้กระแสอารมณ์ อยู่เหนือข้อมูลและข้อเท็จจริง หลายสื่อกระตุ้นเตือนสังคมด้วยการนำเสนอเรื่องเสือดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพื่อไม่ให้สังคมลืมเลือนถึงความไม่ยุติธรรมที่เกิดกับสัตว์ทั้งสามชนิด และก่อให้เกิดกระแสที่มีผลสะเทือนไม่ยอมรับถึงการเข้าป่าล่าสัตว์เพียงเพื่อความสนุก สังคมไทยได้รู้จักงานนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่ามากขึ้น และเห็นถึงความก้าวหน้าของงานนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่สัตว์ป่าในคดีนี้ รวมไปถึงจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่สัตว์ป่าในคดีอื่นๆ อีกด้วย และมีกลุ่มมากมายจากภาคประชาชนคนธรรมดาที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เสือดำ

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเร่งรัดคดีนี้ ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ และขอชื่นชมเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมจำเลยทั้งสี่ รวมถึงภาคประชาชนที่คอยเฝ้าติดตามไม่ให้คดีนี้เงียบหาย จนผู้กระทำผิดได้รับการลงโทษตามกฎหมายเช่นประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคดีนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญและเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย ขอให้สังคมร่วมกันตรวจสอบและพร้อมที่จะแสดงออกถึงการไม่ยอมรับผู้ไม่เคารพกฎหมาย และร่วมกันติดตามคดีนี้จนกว่าจะถึงที่สุดต่อไป”

ขอแสดงความนับถือ
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
วันที่ 19 มีนาคม 2562

อ่านฉบับจริง