หญิงหน่อย ลั่น! หยุด คสช. สืบทอดอำนาจ ต้องกาพรรคเพื่อไทย ให้ถล่มทลาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.

ร่วมแถลงนโยบายก่อนการเลือกตั้ง โดยชูแคมเปญหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย “พอแล้ว! นักการเมืองดัดจริต ต่อชีวิตเผด็จการ” รวมถึงติดป้ายหาเสียงเพิ่มเติม และเปลี่ยนแบ็กดรอร์ปห้องแถลงข่าวเป็นชุดข้อความแคมเปญล่าสุด

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 7 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เรามองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ อยู่บนความคาดหวังของประชาชนมากกว่าทุกครั้ง นอกจากนี้การเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะมีกติกาที่ไม่เหมือนกติกาสากล เป็นกติกาที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ดังนั้น วันนี้พรรคจะบอกประชาชนว่าเหลือเวลา 7 วันสุดท้าย ขอให้ประชาชนพิจารณา และไปเลือกตั้งครั้งนี้แบบมียุทธศาสตร์ เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของคสช. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้เลือกโดยรักใครชอบใคร เพราะสุดท้าย พรรคที่ท่านชอบหรือคนที่ท่านชอบ แม้ชนะแต่อาจจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล

ประชาชนต้องรู้จุดยืนของแต่ละพรรคว่า เป็นอย่างไร ไม่สืบทอด หรือสืบทอดอำนาจของ คสช. ต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และต้องเลือกอย่างถล่มทลาย เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้เดินหน้า มีแต่ถอยหลัง รัฐบาลพยายามบอกว่าบ้านเมืองสงบ แต่เป็นความสงบที่ไม่มีคุณภาพ ประชาชนลำบาก และเศรษฐกิจแย่ ทั้งที่ก่อนการรัฐประหาร เศรษฐกิจไทยอยู่ในลำดับ 4 ของอาเซียน ส่วนลำดับคอร์รัปชั่นของไทยในช่วงที่ไม่มีนักการเมือง ตกไปอยู่ที่ลำดับ 99 จากที่เคยอยู่ลำดับ 85 ทั้งที่ 5 ปีที่ผ่านมา ล้มเหลวมาก แต่กลับมีนักการเมืองบางพรรคการเมืองที่คิดต่อท่ออำนาจเผด็จการ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียง 2 ทางเลือก คือ กลุ่มพรรคที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ หนุนการสืบทอดอำนาจ กับกลุ่มพรรคที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกุล่มพรรคที่ยังมีจุดยืนไม่ชัดเจน กล้าพูดว่าไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่กล้าพูดว่าจะไม่เอาพรรคที่ไม่สืบทอดอำนาจ แล้วสุดท้ายหลังการเลือกตั้งก็จะมีคำพูดที่เหตุผลหล่อๆ ที่จะไปร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจ นี่คือยุทธศาสตร์แรกที่เราเสนอให้ประชาชนตัดสินใจเลือก

ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ กติกาที่ไม่เหมือนเดิม คสช. กำลังเข้ามายึดอำนาจจากประชาชนผ่านรัฐธรรมนูญลายพราง ให้พล.อ.ประยุทธ์กลับมาสืบทอดอำนาจได้อีกครั้ง เป็นกติกาที่ประชาชนเสียเปรียบ ไม่ได้ทำตามความต้องการของประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมี ส.ว. 250 คนที่พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเลือก ใช้เงินภาษีประชาชนไปคัดสรรมา

ประชาชนต้องรู้ว่าหากออกไปเลือกตั้งน้อย จะทำให้เสียงของประชาชนถูกบิดเบือนด้วยส.ว. 250 คน ถ้าประชาชนไม่อยากยอมแพ้ให้เผด็จการ ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง มีทางเดียวคือเราต้องหยุดการสืบทอดอำนาจของคสช. โดยการไปเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น อย่างถล่มทลาย

“พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง เป็นที่ 1 ของประเทศ ประชาชนต้องทำให้พรรคเพื่อไทยมีเสียงที่มาพอจนสามารถเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อผ่ากฎหมายลายพรางนี้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

เมื่อถามถึงรายละเอียดของนโยบาย “หวยบำเหน็จ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เอาความชอบของประชาชนส่วนใหญ่มาปรับ โดยชวนประชาชนให้มาออมเงินโดยการซื้อหวยทุกเดือน ใบละ 50 บาท โดยประชาชนสามารถเลือกตัวเลขได้ตามชอบ ซื้อแล้วเงินไม่หายไปไหน และจะได้รับรางวัลคล้ายลอตเตอรี่ เช่น มีรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว

จะซื้อมากหรือซื้อน้อยก็ได้ เพราะเงินไม่หายไปไหน จะเก็บเงินที่ซื้อไว้เป็นเงินออม ถือเป็นความเต็มใจนำเงินมาออมจากการซื้อหวย สมมติว่าเงินจำนวนแสนล้านบาท เงินที่ซื้อไม่หายไปไหน แต่จะกลายเป็นเงินออมของประชาชน มีดอกเบี้ย และเงินปันผลให้ ถ้าเริ่มซื้อที่อายุ 20 ปี และซื้อไปจนถึงอายุ 60 ปี ผู้ซื้อต้องมีบัญชีเมื่อถูกรางวัลเงินจะเข้าในบัญชีสำหรับตอนเกษียณ แต่หากเสียชีวิตก่อนเกษียณ เงินก็จะตกเป็นของลูกหลาน

ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ เป็นคนจ่ายเงินให้เรา อีกประเภทคือธนาคารออมสินที่ออกมาในรูปแบบสลากออมสิน แต่หวยบำเหน็จที่เราคิดต่างจากตรงนี้ คือซื้อเหมือนหวยปกติ แต่เงินไม่หายไป ถ้าถูกรับเงินที่ถูกไป แต่ถ้าไม่ถูก เอาเงินที่ซื้อหวยไปเข้ากองทุนเพื่อออมไว้ แล้วเบิกได้เมื่อเกษียณอายุ

ทั้งนี้ คงต้องมีการปรับแก้กฎหมายว่าด้วยธนาคารออมสิน ว่าด้วยสลากบำเหน็จ และปรับกองทุนการออมแห่งชาติ ให้มีกองทุนประเภทหนึ่งขึ้นมาเพื่อรองรับส่วนนี้ เราคิดมารอบคอบแล้วว่าทำได้แน่นอน