รัฐบาลอินเดียประกาศเมื่อวันที่ 10 มีนาคม กำหนดให้วันที่ 11 เมษายนที่จะถึงนี้ เป็นวันเลือกตั้งที่ประชาชนหลายร้อยล้านคนเดินทางไปเข้าคูหา นับเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

การเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นการชิงเก้าอีนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียจากการเมืองฟากปีกขวา แข่งกับ “นายราหุล คานธี” จากกลุ่ม “คานธี-เนห์รู” เพื่อปกครองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก

ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 900 ล้านคนทั่วประเทศตั้งแต่ภูมิภาคเทือกเขาหิมาลัยเรื่อยไปจนถึงชายฝั่งจะเดินทางไปลงคะแนนเพื่อเลือกรัฐบาลใหม่ให้ปกครองประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยในวันที่ 11 เมษายน จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 543 คน ในสภาผู้แทนราษฎรหรือที่เรียกกันว่า “โลกสภา” ในการบริหารประเทศที่มีประชากร 1,250 ล้านคนแห่งนี้ โดยผลการเลือกตั้งจะประกาศในวันที่ 23 พฤษภาคม

ทั้งนี้ พรรคภารติยา จานาทา (บีเจพี) ของนายโมดี และพรรคคองเกรส ของคานธี เป็นสองพรรคที่มีเสียงสนับสนุนมากที่สุดจากพรรคในสนามการเมืองอินเดียที่มีนับร้อยพรรคที่มาจากกลุ่มการเมืองจากหลากหลายพื้นที่หลากหลายวัฒนธรรมของอินเดีย

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2014 พรรคปีกขวาของนายโมดีนั้นได้รับชัยชนะและครองเสียงข้างมากในสภา และเวลานี้นายกรัฐมนตรีวัย 68 ปียังคงได้รับความนิยมในระดับสูง โดยล่าสุดยังคงเรียกเสียงสนับสนุนจากกลุ่มชาตินิยมในอินเดียได้ จากเหตุเผชิญหน้ากับปากีสถานที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี จากการตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศเข้าใส่ฐานกลุ่มก่อการร้ายในแคชเมียร์ พื้นที่ซึ่งปากีสถานปกครองอยู่ โดยเหตุดังกล่าวเป็นการโจมตีตอบโต้เหตุคาร์บอมบ์เข้าใส่ขบวนรถทหารของอินเดียในแคชเมียร์ ซึ่งส่งผลให้มีทหารอินเดียเสียชีวิตถึง 40 นาย