เปิดใจอดีตข้าราชการ จากคนขับรถมุ่งมั่นเรียนตามรับสั่ง “ในหลวง” จนได้เป็นข้าราชการ

วันที่ 19 ต.ค. นายศรีวิชัย ทรงสุวรรณ อายุ 72 ปี อดีตข้าราชการวัยเกษียณ ศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต 7 หรือ ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี เผยถึงเรื่องราวความประทับใจที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างใกล้ชิดถึง 3 ครั้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ชีวิตและวงตระกูลทรงสุวรรณ พร้อมน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน จนมีความเจริญก้าวหน้าจากพนักงานขับรถยนต์ความรู้ชั้น ป.4 ก้าวสู่ชีวิตวัยข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ประจำจังหวัดราชบุรี ด้วยวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีในคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นายศรีวิชัย เผยภาพว่า แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาถึง 45 ปีแล้ว แต่ภาพทุกภาพยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจว่า โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ต.ค. พ.ศ.2514 เวลาประมาณ 13.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาถวายผ้าพระกฐินต้น ณ วัดเขาวัง ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี โดยตนได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จพร้อมกับนำพวงมาลัยดอกไม้สด 2 พวง นั่งรอรับเสด็จด้วยความตั้งใจอยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนวัดเขาวัง (แสงช่วงสุวนิช) ทั้งสองพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้นจนหมดภารกิจ ก็เสด็จฯ ลงมาจากวัดเขาวังให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี

จนเสด็จฯมาถึงยังหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนที่ตนนั่งอยู่ จึงได้ยื่นพานเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยพระกร พระองค์ยื่นพระหัตถ์มารับมาลัยและทรงตรัสว่า “ขอบใจนะ” ขณะเดียวกันตนก็ทูลเกล้าวายรายงานชื่อ นามสกุล และศูนย์อนามัยแม่และเด็กซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน พระองค์ทรงรับสั่งกลับว่า “หน่วยงานนี้ฉันเคยมาเปิดเมื่อสองปีก่อนใช่หรือไม่” ซึ่งตนก็ทูลกลับว่า “ใช่พะย่ะค่ะ” จากนั้นพระองค์ทรงรับสั่งว่าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ ให้พูดธรรมดา และพระองค์ทรงตรัสถามถึงงานที่ทำ อายุ และการศึกษา เมื่อได้กราบบังคมทูลให้พระองค์ทรงทราบว่า ผมอายุ 27 ปี ทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ มีการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และพระองค์ทรงตรัสถามว่า ขับรถไปที่ไหนบ้าง ตนก็ทูลไปว่า ขับรถไปในพื้นที่ชนบท พื้นที่ทุรกันดาร ถนนหนทางรำบากมาก เนื่องจากศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 7 ราชบุรี รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปจนถึงจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นพระองค์ทรงมีรับสั่งว่า “จงหาทางศึกษาต่อเพื่อจะได้มีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน” ตนน้อมรับสั่งพร้อมทั้งก้มกราบที่พระบาทแล้วพระองค์เสด็จฯ ผ่านไป

ขณะเดียวกันที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมาประทับเบื้องหน้าทรงเอื้อมพระหัตถ์มารับมาลัยพระกรแล้วรับสั่งว่า “รับสั่งพระองค์ท่านไปแล้ว ต้องนำไปปฏิบัตินะ” ตนจึงทูลกลับว่า “พะย่ะค่ะ” จากนั้นทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จประทับรถพระที่นั่งทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับ

นายศรีวิชัย เล่าต่อว่า วันรุ่งขึ้น นางยุพา ประถมภัฏ หัวหน้าศึกษานิเทศก์ เขต 5 ได้เดินทางมาถามตนว่า ในหลวงรับสั่งอะไรแก่ตนบ้าง ตนจึงเล่าให้ฟังไปว่าในหลวงรับสั่งให้ตนหาทางศึกษาต่อ จากนั้นจึงพาไปสมัครเรียนที่โรงเรียนผู้ใหญ่วัดเขาวัง (แสงช่วงสุวนิช)และได้เข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
และครั้งที่ 2 ที่ได้เข้าเฝ้าใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาทเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. พ.ศ.2515 พระองค์ทรงเสด็จ ณ วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตนก็ได้นำมาลัยพระกรไปทูลเกล้าถวาย พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์มารับมาลัย ตนจึงกราบบังคมทูลถวายรายงานชื่อ นามสกุล และที่ทำงาน พระองค์ทรงยืนนิ่งไปชั่วครู่และมองหน้าตนเอง ทรงตรัสถามว่า “ไปเรียนแล้วหรือยัง” ในจังหวะนั้นตนน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ และกราบทูลไปว่า กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่วัดเขาวัง ท่านก็รับสั่งว่า “ให้มีความพยายาม มันจะมีอุปสรรคเพราะเราอายุเยอะแล้วแต่ถ้าพยายามจะผ่านไปได้ มีอุปสรรคอะไรให้บอก” จากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จผ่านไป

จากนั้นตนเองก็พยายามศึกษาเล่าเรียนจนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) และได้มีโอกาสสอบชิงทุนเพื่อเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรพนักงานอนามัย ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และถูกส่งไปศึกษาที่ศูนย์ฝึกอบรมกรมอนามัยภาคกลางจังหวัดชลบุรี จนเรียนจบหลักสูตรก็ได้รับการบรรจุให้เข้ารับราชการและพ้นจากตำแหน่งลูกจ้างประจำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์

หลายปีต่อมาผู้บังคับบัญชาและกรมอนามัยสนับสนุนให้ตนลาราชการไปศึกษาต่อในหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จนจบหลักสูตรปริญญาตรีเป็นรุ่นที่ 9 ในตอนนั้นตนคิดว่าจะไม่มีโอกาสที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ท่าน เนื่องจากรุ่นพี่รุ่นที่ 8 พระองค์ท่านประชวรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแทน ในปี 2538

นายศรีวิชัย เผยด้วยความปลื้มปิติพร้อมทั้งหลั่งน้ำตาว่า ราวต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2539 ตนจึงเขียนหนังสือกราบบังคมทูลผ่านกองราชเลขาใจความว่า “โปรดกรุณาทูลให้พระองค์ทรงทราบด้วยว่ากระผม นายศรีวิชัย ทรงสุวรรณ ผู้ที่พระองค์รับสั่งให้ไปหาทางศึกษาต่อ ซึ่งกระผมได้เรียนต่อจนจบชั้นปริญญาตรี ในหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว” พร้อมทั้งนำส่งไปรษณีย์ไปยังสำนักพระราชวัง

ภายหลังมหาวิทยาลัยมหิดลได้มีประกาศให้หนังศึกษาที่จบในปี 2538-2539 เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2539 ณ อาคารใหม่สวนอัมพร โดยในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เอง ในพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรตนได้ยื่นมือไปเบื้องหน้าพร้อมถวายรายงานรับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ด้วยความตื้นตันใจน้ำตาไหลด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้ โดยที่ตนมีความปราบปลื้มปีติด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงรับสั่งให้ตนไปหาทางศึกษาต่อ แล้วพระองค์เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรให้

นายศรีวิชัย กล่าวด้วยอาการเศร้าเสียใจว่า หลังจากที่ทราบข่าวการสวรรคต ตนและครอบครัวต่างเสร้าโศกเสียใจกันตลอดทั้งวัน และรู้สึกเสียใจ ซึ่งตนจะขอนำพระราชดำรัสที่พระองค์ไว้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะการที่ตนประสบความสำเร็จมาได้จากพนักงานลูกจ้างขับรถยนต์จบเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จนจบการศึกษาสูงสุดปริญญาตรี และเข้ารับข้าราชการในกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดราชบุรีจนอายุครบเกษียณราชกาล ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นคอลัมนิสต์เขียนข้อความให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมีภรรยาชื่อนางสาวยุพา ล้ำเลิศ อายุ 54 ปี มีบุตร 1 คนคือ ดร.จิรรัชวัลคุ์ ทรงสุวรรณวิภา เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยเฉลิมกาญจนา เพชรบูรณ์