กิ๊ก มยุริญ เปิดใจ ชีวิตเปลี่ยน หลังบวชนาน 7 เดือน พร้อมตายทุกเมื่อ หวังถึงนิพพาน

กิ๊ก มยุริญ เปิดใจ ชีวิตเปลี่ยน หลังบวชนาน 7 เดือน พร้อมตายทุกเมื่อ หวังถึงนิพพาน

ห่างหายจากหน้าจอไปนานพอสมควรสำหรับ นักแสดงสาว กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์  ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวตัดสินใจไปบวช 227 วัน หรือประมาณ 7 เดือน ที่ประเทศพม่า และตอนนี้สาวกิ๊กได้สึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาเปิดใจเล่าเรื่องราวตลอด 7 เดือนที่ไปบวช ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และธัญญ่า ธัญเรศ เป็นพิธีกร

ชีวิตการบวช 7 เดือนเป็นอย่างไร?

“มันก็ซ้ำๆ ซากๆ เหมือนทุกวัน ตื่นตีสองครึ่ง มาเดินจงกรม 1 ชั่วโมง นั่งสมาธิอีก 1 ชั่วโมง แล้วไปกินข้าวเช้า กลับมาซักผ้า นั่งสมาธิ เดินจงกรมอะไรประมาณนี้ แล้วก็กินข้าวกลางวัน กลับมานั่งเดินนั่ง อ่านหนังสือ อาบน้ำ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ก็จะเป็นแบบนี้ทุกวัน วันหนึ่งนอน 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น คือมันเป็นช่วงที่พี่ฟิตมากเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองยาวๆ แล้วเวลาที่ได้เป็นนักบวชมันไม่ได้หาง่ายๆ”

ถือว่าลำบากที่สุดในชีวิตไหม?

ไม่ลำบากค่ะ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลย เพราะว่าเราได้อยู่กับตัวเองจริงๆ เป็นเหมือนนักบวชจริงๆ ไม่ได้ติดต่อใครเลย คือลาตายกับคุณพ่อ คุณแม่ตั้งแต่ก่อนไปแล้ว คือครั้งนี้กลับมาไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหม ครั้งนี้ก็ขอไปปฎิบัติให้เต็มที่

ทุกวันตั้งแต่ตื่นมาจนเข้านอนไม่พูดสักคำเลยหรอ?

“คือน้อยมากที่จะพูด ถ้าพูดกับพระอาจารย์ เพราะว่าการพูดมันทำให้สติ สมาธิเรามันกำหนดยาก เพราะว่าจิตมันจะปรุงแต่งเร็วมาก เพราะฉะนั้นการที่พูดคุยน้อยที่สุดทำให้มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติมากที่สุด”

เห็นว่าวันแรกที่ไปเจองู?

“วันแรกหลังจากที่บวชเรียบร้อยเดินมาที่กุฏิ งูเลื้อยกำลังจะเข้ากุฏิ รู้สึกว่าเขาคงมารับบุญจากเรา ที่นู่นยังอยู่กับธรรมชาติเยอะมาก ยังมีงู มีกบ มีตะขาบ มีสัตว์เยอะมาก ไปก็ดีนะได้อยู่กับธรรมะได้เห็นว่าชีวิตของเราอยู่ด้วยความไม่เที่ยง พร้อมจะตายตลอดเวลา มันมีกรณีที่งูเข้ากุฏิมาตอนกลางคืน ขดอยู่หลังประตู ตอนนั้น 3 ทุ่มกว่าๆ เรากำลังจะไปปิดไฟและไปนอน แล้วเราก็เห็น ตอนนั้นไม่มั่นใจว่าเป็นผ้าเช็ดเท้าหรือว่างู ก็เลยกำหนดสติไปเคาะห้องชีกลอย ช่วยไปดูหน่อยว่านั่นคืออะไร ก็เอาไฟฉายไปส่องก็น่าจะเป็นงู ก็ช่วยกันใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องไปตามคนมาช่วย คือพี่ไม่กรี๊ดไม่อะไรเลย เพราะพี่เจอบ่อย งูตัวนั้นไม่ใหญ่ แต่เป็นงูมีพิษ ตัวสีดำ แต่ลวดลายสวยงามมาก และมันห่างจากที่พี่นั่งสมาธิ 6 ก้าว พี่ก็คิดในใจว่านี่บุญนะ ถ้าเกิดวิบากกรรมเราเคยฆ่ากันเขาก็คงเลื้อยมากัดเราแล้ว ทันก็เลยได้เห็นสัจธรรมว่าชีวิตมันไม่เที่ยงจริงๆ เราพร้อมตายทุกเมื่อ”

นอกจากเจองู เจอแมงมุม เจอทุกอย่างเห็นว่าเจอเปรตด้วย?

“มันไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวนะ เพราะเปรตก็เป็น 1 ใน 31 ภพภูมิ เปรตที่พี่เจอ ปกติอยู่ที่เมืองไทยพี่ก็เจอ ตอนนั้นไปปฏิบัติธรรมที่ลำปาง ตอนนั้นเป็นเสียงโหยหวนมาก แล้วมาจากที่ไกล เสียงมันก็จะดัง ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร เขาก็ไม่ยอมเลิกร้องสักที พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปถามพระอาจารย์ว่าได้ยินเสียงนี้มันคืออะไร พระอาจารย์บอกว่าเพื่อนใคร ญาติใคร คนคนนั้นก็จะได้ยิน แล้วบอกว่าเป็นเปรตให้เราแผ่เมตตาซะ ซึ่งกิ๊กก็มีความรู้ว่าเสียงนี้คือเปรต พอไปที่พม่า พอกิ๊กบวชเสร็จปุ๊บคืนนั้นก็นอน 4 ทุ่มได้ยินเลย แบบเสียงโหยหวนมาก ตอนนั้นไม่กลัว เราบวชเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็แผ่เมตตาไป เสียงก็หายไป เราได้ยินแค่เสียงไม่เห็นภาพ เพราะพี่อธิษฐานตลอดว่าถ้าอยากได้บุญจากข้าพเจ้าอย่ามาให้เห็นตัวเป็นๆ”

“เปรตมี 12 จำพวก เปรตมีรายละเอียดหลายอย่าง แล้วแต่ว่าทำกรรมแบบไหน คือพี่จะบอกว่าเราต้องทำความดีให้มาก เปรตมีจริงๆ อย่าไปเกิดในภพภูมินี้เลย เพราะว่าแทบไม่มีอะไรจะกิน เปรตบางจำพวกนี้กินแต่อุจจาระ เสมหะ บางจำพวกทำร้ายตัวเองและกินเลือดตัวเอง”

ตั้งแต่เด็กจนก่อนบวชกลัวผีไหม?

“กลัวนะ แต่ตั้งแต่ทำรายการ มิติลี้ลับก็เริ่มไม่กลัว เพราะรู้ว่าผีมีจริง พี่เคยเห็นเป็นเงาดำๆ เหมือนคนเลยแต่ว่าทรงผมไม่ได้เป็นทรงเหมือนพวกเรา เป็นทรงเหมือนคนในอดีต มายืนอยู่ตรงทางแยกในถ้ำที่จังหวัดกาญจนบุรี พี่เคยไปลองของกับพี่ป๋อง ไปเล่นผีถ้วยแก้ว แล้วเราก็ไปที่ตึกๆ หนึ่ง เป็นตึกร้างอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้เขาสร้างใช้งานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราไปเล่นกันที่ชั้น9 ของตึก เชื่อไหมมีคนผีเข้าจริงๆ ก็มีการถามคำถามกัน และก่อนที่เด็กคนนี้จะผีเข้า ก็มีคำถามว่าคุณต้องการอะไร แก้วมันลากไปที่ ต. และย. คือตอนนั้นมันไม่มีสระ ความหมายก็คือ ตาย. หลังจากนั้นเด็กคนนั้นใจไม่ดี แล้วมือเขาก็หล่นเขาเลยกรี๊ด พูดคำหยาบ อย่ามายุ่งกับกู แรงเยอะมาก เขาพยายามวิ่งไปกระโดดตึก เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ใช้เวลา 2 ชม. ไปตามคนที่มีความรู้มาช่วย”

“เปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิง รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมาก การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่ใช่เรื่องยากเลย การที่เราจะใช้ชีวิตตามที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ลงมือทำ ความดีไม่ได้ทำยาก แต่เราลืมที่จะทำเท่านั้นเอง รู้สึกมีความสุขมากๆ”

มีปัญหาเรื่องความรักหรือเปล่า ถึงไปบวช?

“ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความรักใดๆ แต่เนื่องจากพี่ปฏิบัติธรรมมานานรู้สึกว่าอยากจะเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนให้ละเอียดยิ่งขึ้น ก็เลยคิดว่าการปฏิบัติต้องยาวเท่านั้นเราถึงจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรแล้วมันเป็นแบบนั้นจริงๆ”

แล้วแบบนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม?

พี่ไม่อยากมีคู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พี่ก็เคยมีแฟน แต่ก็ไม่อยากมีอีกเลย คือพี่อยากไปถึงนิพพาน เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรที่พี่ละได้ วางได้ พี่ก็ทำ แต่ถ้ามีใครเข้ามาแล้วเขายอมให้พี่ไปบวชตลอดชีวิตอันนั้นก็น่าสนใจอยู่

ย้อนกลับไปวันที่พี่บอกแม่ว่าจะไปบวช แม่ว่าไงบ้าง?

“แม่ก็ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เพราะว่าน้องสาวกิ๊กบวชเป็นแม่ชีถาวรแล้ว กิ๊กบวชเป็นแม่ชีชั่วคราว คุณแม่ก็กลัวกิ๊กบวชไม่สึก แต่เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงกิ๊กก็สึก”

กิ๊ก มยุริญ
สวมกอดคุณแม่

สาเหตุที่ออกมาใช้ชีวิตธรรมดาก็เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่?

“ด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าเกิดเราบวชไม่สึกตอนนี้คนที่ทุกข์ที่สุดคือท่าน แล้วพี่อยากให้ท่านอนุโมทนาบุญ ไม่อยากให้ท่านมีอกุศลจิตใดๆ กับการบวชของเรา”

แล้ววันที่ลาสิกขาเป็นไงบ้าง?

“ก็แอบเศร้านิดนึง รู้สึกว่าตอนแรกที่บวชก็รู้สึกว่าไม่รู้จะได้มาบวชอีกไหม แต่เมื่อลาสิกขาแล้วยังไงก็น่าจะมีโอกาสกลับไปบวชอีกแน่นอน”

เห็นว่านำธรรมะไปชี้ทางให้คนใกล้ตัวอีกด้วย?

“พี่ธงธงค่ะ เขาได้เรียนธรรมะตั้งแต่พี่สาวเสีย ตอนนั้นเขาจะกระโดดกลองไฟตายตาม แต่พอเขามีธรรมะเขาก็รับได้กับคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ล่าสุดเคสที่ต้องบอกว่าพี่ธงสุดยอดคือเคสของคุณแม่ป่วยหนักมาก วันนั้นพี่ธงโทรมาบอกว่าแม่อาการหนักหมอบอก 4 ทุ่มคืนนี้ไม่น่ารอด พี่ก็เลยบอกพี่ธงว่าทำใจดีๆ นะ วันนี้กิ๊กสแตนบายถ้าเกิดมีอะไรก็โทรมาหากิ๊กแล้วกัน ทีนี้พี่ธงก็ไปจุดธูปต่อหน้าพระขอให้คุณแม่อาการดีขึ้น ถ้าแม่เขาดีขึ้นเขาจะขอบวช เชื่อไหมวันนั้น 4 ทุ่มแม่พี่ธงก็ไม่ไป ณ วันนี้แม่พี่ธงก็ยังมีชีวิตอยู่ พี่ธงนี่ต้องบอกเลยว่าผ่านวิกฤตได้ด้วยธรรมะ เพราะเขาบอกว่าตอนที่แม่แย่มากๆ ตอนพี่สาวเสีย เขากำหนดสติตลอดเวลา เขาได้เห็นว่าทุกครั้งที่เขากำหนดสติความเสียใจ ความโศกเศร้ามันทำร้ายเขาไม่ได้”

คุยแซ่บShow : กิ๊ก มยุริญ

อินสตาแกรม kikmayurin