ไม่ได้จบแค่ในคลิป ลูกค้าหัวร้อน โมโหผัดซีอิ้วน้อย พังหน้าร้าน โพสต์เฟซบุ๊กขู่ จนต้องปิดร้าน

จากกรณีที่สมาชิกเฟซบุ๊ก “อดิศักดิ์ ศรประสิทธิ์” โพสต์คลิปเหตุวุ่นวายภายในร้านอาหารตามสั่ง หลังลูกค้ามีปากเสียงกับแม่ค้า ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน เนื่องจากลูกค้าบอกว่าผัดซีอิ้วเส้นน้อย แม่ค้าจึงผัดให้ใหม่ ก่อนเกิดมีปากเสียงถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน เหตุเกิดที่ซอยประชาอุทิศ 79 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ผัดซีอิ๊วเส้นน้อย https://www.sentangsedtee.com/today-news/article_106602

 

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ภายในท้ายซอยประชาอุทิศ 79 ก็ได้พบกับร้านขายอาหารตามสั่งดังกล่าว จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม น.ส.กมลวีย์ เอียงประยู 32 ปี หลานสาวของน้าแหม่ม หญิงขายอาหารตามสั่งที่อยู่ในคลิป วัย 43 ปี พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกินขึ้นเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ช่วงเวลากลางวัน โดยคู่กรณีได้เดินทางมาด้วยกัน 2 คน ก่อนที่จะสั่งผัดซีอิ้ว แล้วฝ่ายชายได้แยกตัวไปซื้อขอที่ร้านสะดวกซื้อ

“เมื่อน้าแหม่มผัดซีอิ้วเสร็จก็ได้เอาใส่กล่องนำไปให้กับลูกค้าผู้หญิง พร้อมทั้งบอกราคาว่า 40 บาท ก่อนที่ผู้หญิงคนดังกล่าวจะยื่นแบงก์ร้อยมาให้ น้าแหม่มก็ทอนเงินให้ 60 บาท แต่วางเงินไว้ที่จาน หลังจากนั้นลูกค้าได้เปิดกล้องผัดซีอิ้วดู แล้วบอกว่าทำไมน้อยจัง น้าแหม่มจึงผัดซีอิ้วให้ใหม่ โดยไม่คิดราคาเพิ่ม” น.ส.กมลวีย์ กล่าว

น.ส.กมลวีย์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นน้าแหม่มกับผู้หญิงคนนั้นก็มีปากเสียงด่ากันไปมา สักพักผู้หญิงก็เดินไปตามแฟนหนุ่ม จนเกิดเหตุการณ์ตามที่ปรากฎในคลิป แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้พังหน้าร้าน เอาขวดน้ำปลาทุ่มที่หน้าร้าน แต่คนอัดคลิปซึ่งเป็นลูกค้าท่านหนึ่งไม่ได้อัดไว้ หลังจากนั้นน้าแหม่มก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทุ่งครุ


“ตอนนี้สภาพจิตใจของน้าแหม่มหวาดกลัวเป็นอย่างมาก กลัวทั้งจากคำขู่จากฝ่ายหญิงที่ได้ข่มขู่ทางเฟซบุ๊กว่า “มึงอยากเป็นข่าวใช่ไหม เดี๋ยวจัดให้” น้าแหม่มอยากให้เรียงนี้จบโดยเร็ว เพราะน้าแหม่มจะได้กลับมาเปิดร้านอีกครั้ง แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยแล้ว แต่คู่กรณีก็ไม่มาสักที ซึ่งยืนยันว่าน้าแหม่มไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิปวีดีโอลงโซเชียล เพราะน้าแหม่มก็อยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว ไม่ได้ติดใจอะไร อยากให้ต่างคน ต่างอยู่ ต่างคนต่างทำมาหากิน” น.ส.กมลวีย์ กล่าวปิดท้าย