เอ็กซิมแบงก์ ปักหมุดพนมเปญ เปิดสาขา 3 พร้อมหนุนเงินกู้ใน CLMV

วันที่ 7 มีนาคม 2562 ณ โรงแรมโซฟิเทล พนมเปญ โภคีธรา กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางเนียว จันทานา รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ในกรุงพนมเปญ กัมพูชา โดยมีกรรมการและผู้บริหาร เอ็กซิมแบงก์ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยและกัมพูชา รวมทั้งผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย เข้าร่วมงานเป็นสักขีพยาน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เอ็กซิมแบงก์ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยใน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64,000 ล้านบาท การเปิดสำนักงานผู้แทนของเอ็กซิมแบงก์ ในกรุงพนมเปญเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลกัมพูชา ผ่านธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และกระทรวงการคลังของกัมพูชา เพื่อให้เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในระดับภูมิภาค ในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยที่จะทำงานร่วมกันกับภาครัฐและเอกชนในกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การค้าไทย-กัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 15% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 36.6% จากปีก่อน และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มเกือบเท่าตัวถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 ในขณะที่การลงทุนไทยในกัมพูชาช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 4 ในกัมพูชา

“การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจอยู่มากในกัมพูชา โดยเอ็กซิมแบงก์จะทำหน้าที่ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการค้าการลงทุน ด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการไทย เป็นกลไกสำคัญในภาคการเงินการธนาคารที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทย ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมใน CLMV

ด้านนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนในกรุงพนมเปญนับเป็นแห่งที่ 3 ต่อเนื่องจากการเปิดสำนักงานผู้แทนในเมืองย่างกุ้ง เมียนมา และเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ โดยเอ็กซิมแบงก์ จะทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน ภายใต้ทีมประเทศไทย สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการวางแผนและดำเนินธุรกิจในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ (New Frontiers) รวมถึง CLMV ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยง SMEs ในลักษณะห่วงโซ่มูลค่า กับธุรกิจขนาดใหญ่ได้

 

นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า กัมพูชามีจุดเด่นด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.5% ต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในปี 2566 ความเป็นเมืองที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการเปิดกว้างรับการลงทุนต่างชาติ ทั้งด้านกฎระเบียบและระบบการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับไทย เงินบาทยังได้รับการยอมรับในการทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวในกัมพูชา อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และสปา เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในกัมพูชา กลุ่มประชากรในกรุงพนมเปญที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ชาวต่างชาติที่ทำงานในกัมพูชา และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการบริการในแบบที่คุ้นเคยและได้มาตรฐาน ที่ผ่านมา เอ็กซิมแบงก์ ได้สนับสนุนการลงทุนไทยในกัมพูชาจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ

ทั้งนี้ เอ็กซิมแบงก์ พร้อมเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ “บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในประเทศ CLMV (EXIM Loan for CLMV Buyer)” เป็นวงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการใน CLMV ใช้ซื้อสินค้าและบริการจากไทย วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี สูงสุด 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อราย และไม่เกิน 85% ของมูลค่าซื้อขายสินค้าหรือบริการจากไทย อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ LIBOR +4.0% ต่อปี บริการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการส่งออกของไทยไปยัง CLMV ในปี 2562 ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่การส่งออกไป CLMV ขยายตัวในระดับสูงถึง 17% ส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกของไทยไป CLMV แซงหน้าตลาดส่งออกสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รวมทั้ง EU และญี่ปุ่น โดยเอ็กซิมแบงก์จะชำระค่าสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้ส่งออกไทย ช่วยให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจที่ขยายการค้ากับคู่ค้าใน CLMV