ดีดีบินไทย ลั่น ลงโทษกัปตัน-สจ๊วต หากก่อเหตุเวลางาน ชี้ อาจมีกระทบกระทั่งบ้าง

ดีดีบินไทย ลั่น ลงโทษกัปตัน-สจ๊วต หากก่อเหตุเวลางาน ชี้ อาจมีกระทบกระทั่งบ้าง

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณที่สจ๊วต การบินไทย เที่ยวบิน ทีจี110 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จากสุวรรณภูมิ มุ่งหน้า จ.เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่  กรณีถูก กัปตันหนุ่มใหญ่เที่ยวบินดังกล่าวทำร้ายร่างกาย ว่า หน่วยงานต้นสังกัดได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้น จะต้องดูว่าการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในระหว่างเวลาการทำงานหรือไม่ หากเกิดขึ้นในระหว่างเวลาการทำงานถือว่าผิดระเบียบอาจจะต้องมีบทลงโทษ เพราะปัญหาในลักษณะดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร แต่หากเหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นนอกเวลาการทำงานก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

“ยอมรับว่าคนทำงานด้วยกันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ ไม่อยากให้มองว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง เพราะอาจจะเกิดจากอารมณ์ซึ่งเชื่อว่าสามารถพูดคุยกันได้”

รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 17 ก.พ โดยเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายครั้งนี้เกิดขึ้นบนเครื่องบินหลังจากเครื่องได้ลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยกัปตันที่ 1 แสดงความไม่พอใจที่ลูกเรือที่ไม่มีการเข้าไปสอบถามความต้องการและให้บริการเครื่องดื่มและอาหารแก่กัปตันในระหว่างไฟลท์บินตามขั้นตอนการปฏิบัติที่กำหนดให้ลูกเรือต้องบริการอาหารและเครื่องดื่มแก่กัปต้นด้วยนอกเหรือไปจากผู้โดยสาร ทำให้กัปตันเกิดอาการไม่พอใจ เกิดอาการโมโหจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายในที่สุด

“หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื่องของการสื่อสารเหมือนกันกรณีของกัปตันและนายสถานีซูริคที่ผ่านมาที่ไม่ยอมคุยหรือสื่อสารกัน คิดกันไปเอง โดยฝั่งลูกเรือซึ่งเป็นเด็กใหม่ที่ยังมีประสบการณ์น้อยก็อาจจะมองว่าเห็นว่ากัปต้นมีการกินอาหารแล้วในช่วงก่อนออกเดินทางแล้วจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปถามซ้ำบนเครื่องอีก

 

ประกอบกับช่วงนั้นบนเครื่องมีผู้โดยสารเต็มลำ ลูกเรือต้องเร่งเสริ์ฟอาหารให้ครบในเวลาจำกัด 50 นาทีก่อนที่เครื่องบินจะลงที่ปลายทาง ส่วนฝ่ายกัปตันก็อาจจะมองว่าไม่ให้เกียรติกันโดยไม่ยอมไปสอบถามหรือเสิร์ฟอาหารให้จนกระทั่งเครื่องลง”

 

รายงานข่าวจากการบินไทยแจ้งว่า เรื่องดังกล่าววสามารถมองได้ 2 มุม ตอบไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก หากจะถามว่าการไม่เข้าไปสอบถามกัปต้นตามาขั้นตอนปฏิบัติเรื่องการให้บริการนั้นถือว่าลูกเรือบกพร่องไหม ก็อาจจะบกพร่อง แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเหตุการบนเครื่องขณะนี้เป็นอย่างไร และลูกเรือควรจัดลำดับความสำคัญในการให้บริการอาหารแก่ใครเป็นลำดับแรก

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบันทึกประจำวันและสอบถามพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ ทราบว่า ผู้เสียหายได้ประสานกับทางตำรวจเพื่อขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น โดยเหตุเกิดบนเครื่องบินที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 ก.พ 62 จากนั้นผู้เสียหายก็ได้ย้อนกลับมาเชียงใหม่อีกครั้งเพื่อมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ว่าถูกทำร้ายร่างกาย

ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สอบถามแล้วทางผู้เสียหายก็ได้บอกว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดี แต่มาลงประจำวันไว้เพื่อให้ทราบว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง การทำร้ายร่างกายจากการสอบปากคำ ก็เป็นการกระชาก ตบ ไม่บาดเจ็บอะไรมากมาย เป็นลหุโทษ เสียค่าปรับ แต่เมื่อประสงค์ไม่ขอดำเนินคดี ทางตำรวจก็ไม่ดำเนินการให้ ก็ลงบันทึกประจำวันไว้

 

ที่มา  ข่าวสดออนไลน์