คลังสะกดกนง. ตรึงดอกเบี้ย 1.75% อุ้มเศรษฐกิจ

คลังสะกดกนง. ตรึงดอกเบี้ย 1.75% อุ้มเศรษฐกิจ

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังเป็นห่วงผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากมานานแล้ว แต่เรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะที่กระทรวงการคลังคงจะไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนัก โดยมองว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2562 ก็น่าจะเป็นส่วนในการพยุงเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศที่จะทำให้สินค้าส่งที่ออกจากไทยยังสามารถเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐได้โดยไม่มีอุปสรรคมาก ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ระดับ 1.75% นั้น น่าจะยังอยู่ในระดับที่ช่วยเอื้อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้ และเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปี

“ถ้าถามคลัง มองว่า ดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ ไม่ควรขึ้น คลังส่งสัญญาณชัดว่าควรจะคงอยู่ในระดับนี้ เพราะเศรษฐกิจบ้านเรา คนที่ลำบากมีเยอะ พวกล่างๆ รากหญ้ายังลำบากกันเยอะ ถ้าขึ้นดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านจะกระทบไหม ถ้าขึ้นดอกเบี้ย ก็มีความเสี่ยงทำให้คุณภาพหนีเสียเพิ่ม ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากกับดอกเบี้ยเงินกู้ก็ไม่ลด เชื่อว่า กนง.เข้าใจว่าควรจะช่วยประคอง SMEs หรือธุรกิจในระดับล่างๆ ไว้อย่างไร” นายประสงค์ กล่าว

นายประสงค์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับ 4% เช่นเดียวกับที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ได้คาดการณ์ไว้ โดยมองว่าปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้มาจากหลายส่วนประกอบกัน เช่น เม็ดเงินที่สะพัดลงสู่ท้องถิ่นต่างๆ จากกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการหาเสียงเลือกตั้ง, ความพยายามของภาครัฐในการกระตุ้นการใช้จ่ายงบลงทุนทั้งรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐให้เพิ่มขึ้นจากปีงบ 2561, การมี พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ฉบับใหม่ที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น รถไฟรางคู่ เป็นต้น