เปิดใจครูหนุ่ย นาทีถูก แก๊งงานบวช ลงมือเหี้ยม โดนสารพัด บอก “ห่วงแต่ลูกศิษย์”

เปิดใจครูหนุ่ย นาทีถูก แก๊งงานบวช ลงมือเหี้ยม ทั้งกระทืบ เตะ ต่อย และใช้เก้าอี้ฟาด บอก “ตอนนั้นห่วงแต่ลูกศิษย์” ครูอีกคนต้องพาหนี มันเป็นช่วงที่เลวร้ายมาก

แก๊งงานบวช จากกรณีแก๊งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาร่วมงานบวชที่วัดสิงห์ ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ได้พาพวกเข้ามารุมทำร้ายนักเรียนที่เดินทางมาสอบ GAT-PAT เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกขอร้องให้ลดใช้เสียงในการแห่นาคเนื่องจากนักเรียนกำลังทำการสอบ จนทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียน รปภ. และนักเรียน ได้รับบาดเจ็บ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับครูพละ ที่ถูกแก๊งงานบวชทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บอาการค่อนข้างสาหัส ภายในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทราบชื่อคือ นายฉัตราภัทร์ นามจันดี หรือครูหนุ่ย อายุ 26 ปี เป็นครูพละศึกษา สอนอยู่ที่ ร.ร.มัธยมวัดสิงห์ เป็นเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง โดยบาดเจ็บที่แขนขวา มีอาการบวมช้ำจากเลือดคลั่ง จนต้องเข้าเฝือกอ่อน ขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว แพทย์ ร.พ.เอกชัย ให้พักรักษาตัว 1 อาทิตย์ เพื่อรอดูอาการข้างเคียง ก่อนที่จะตรวจวินิจฉัยอีกครั้งว่าจะต้องรักษาอื่นใดร่วมด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ที่ศีรษะ หลัง และลำตัว ก็มีรอยช้ำจากการถูกรุมทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยและยังถูกโต๊ะเก้าอี้ ฟาดด้วย

นายฉัตราภัทร์ เล่าเหตุการณ์ในวินาทีเฉียดตายให้ฟังว่า ในวันดังกล่าว ตนกำลังคุมสอบอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารเรียนหลังแรก ซึ่งตอนนั้นแม้จะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่ด้านล่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น รู้เพียงอย่างเดียวว่าเสียงดังมาก แล้วก็น่าจะมีการทะเลาะวิวาทกันแต่ไม่รู้ด้วยว่าประเด็นการทะเลาะวิวาทมาจากเรื่องของการใช้เสียงในงานบวช ซึ่งขณะที่ทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่คุมสอบอยู่นั้น ก็มีพวกผู้ก่อเหตุวิ่งขึ้นมาที่ห้องแรกก่อน เป็นห้องที่มีครูผู้หญิงเป็นคนคุมสอบ แล้วคุณครูก็ถูกตบหน้าก็วิ่งมาห้องที่สองที่อยู่ติดกัน เป็นห้องที่ตนคุมสอบอยู่

“ก่อนที่ผู้ก่อเหตุก็ตะคอกถามว่า “บวชไม่ได้ใช่ไหม …ใช้เสียงไม่ได้ใช่ไหม” ผมก็พยายามอธิบายว่าให้เขาใจเย็นๆ เพราะตอนนี้เด็กกำลังสอบและเด็กนักเรียนก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วย โดยผมพยายามเกลี้ยกล่อมเพราะรู้ว่าพวกเขาเมา แต่นอกจากจะไม่ยอมฟังแล้ว ทางพวกผู้ก่อเหตุก็ยังเข้ามารุมทำร้ายผมทั้งชกต่อย เตะ ใช้เก้าอี้ฟาด เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น คุณครูอีกคนที่คุมสอบอยู่ด้วยกันจึงต้องรีบพานักเรียนหนีออกไป เพราะจะต้องปกป้องและดูแลความปลอดภัยให้กับนักเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก” นายฉัตราภัทร์ กล่าว

นายฉัตราภัทร์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตนมองว่ามันเลวร้ายมาก เพราะว่าพื้นที่นี้เป็นสถานที่ราชการ ในวันดังกล่าวเป็นวันที่นักเรียนกำลังสอบ จึงถือเป็นวันและเวลาที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ราชการ ผู้เสียหายที่ถูกก่อเหตุนอกจากจะเป็นบุคลากรในโรงเรียนที่เป็นผู้ชายแล้ว ก็ยังมีครูผู้หญิงและเด็กนักเรียน กับนักเรียนผู้หญิงที่ถูกลวนลามด้วย และอีกประเด็นหนึ่งคือ ผู้ก่อเหตุนั้น ได้เข้ามาก่อเหตุแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งจะมาอ้างว่าเมาจนขาดสตินั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากขาดสติจริง จะไม่สามารถขึ้นมาถึงบนชั้น 2 ได้ ดังนั้นการที่ขึ้นมาก่อเหตุถึงชั้นบนได้ก็แสดงว่าพวกผู้ก่อเหตุนั้นยังมีสติอยู่

ส่วนประเด็นที่ว่าหลังเกิดเหตุแล้วทางวัดควรมีมาตรการอะไรเกี่ยวกับเรื่องของการใช้เสียงในงานบวชหรือไม่นั้น ตรงนี้ตนแม้จะอยู่ในฐานะผู้เสียหายแต่ก็ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางวัดที่จะไปจัดการเอง ในเรื่องของการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้น ก็คงต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งได้มีการไปแจ้งความไว้แล้วในฐานะโรงเรียนหรือสถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ทางส่วนผู้เสียหายที่เป็นรายบุคคลก็พร้อมที่จะไปให้ปากคำกับตำรวจทุกอย่าง เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันร้ายแรงมาก จนสร้างความหวาดผวาให้ทุกคนในโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็มีผู้ส่งดอกไม้ และกระเช้าเยี่ยมไข้มาให้ นายฉัตราภัทร์ เป็นกำลังใจจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นคือ แจกันดอกไม้จาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ