ซื้อบ้านธนารักษ์ง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องมีบัตรคนจน รายได้ต่ำเป็นเจ้าบ้านได้!

ลดเงื่อนไข! ซื้อ บ้านธนารักษ์ สุดง่าย ไม่ต้องถือบัตรคนจน เงินเดือนไม่เกิน 3.5 หมื่น

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ หรือโครงการ บ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ภายใต้เงื่อนไขผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง หรือต้องไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ทำให้มีผู้ที่ได้รับอนุมัติให้สามารถจองสิทธิบ้านผ่านคุณสมบัติน้อยมาก

ครม. จึงปรับเปลี่ยนผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ หากไม่ถือบัตรคนจนที่มีบ้านในต่างจังหวัดและต้องการมีบ้านในทำเลที่ตั้งของโครงการฯ สามารถได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ ได้ และยังให้สิทธิกับกลุ่มผู้สนใจที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 35,000 บาท เปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้

การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขครั้งนี้เป็นเพราะที่ผ่านมาผู้ที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ติดปัญหาดังกล่าว ทำให้มีผู้มาเข้าร่วมโครงการจำนวนน้อย ครม. จึงมีการทบทวนเงื่อนไข ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการน้อย เพราะขาดคุณสมบัติ

เช่น ผู้ที่มีบ้านอยู่แล้วในต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ แต่เมื่อย้ายมาทำงานในพื้นที่ที่มีโครงการแล้วก็ต้องการมีบ้าน แต่ก็ติดเงื่อนไขทำให้เข้าร่วมโครงการไม่ได้ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้ปรับปรุงเงื่อนไขใหม่ เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้ประโยชน์

ลดเนื้อที่ลดแรงปะทะ

นายณัฐพร กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้เปิดประกวดโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อหาผู้ประกอบการลงทุนก่อสร้างโครงการ จำนวน 6 แปลง โดยมีผลการประกวดโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ จำนวน 5 แปลง (แปลง อ.ชร. 31 จังหวัดเชียงราย ไม่มีผู้ยื่นซอง) และมียอดลงทะเบียนจองสิทธิ (เปิดจองตั้งแต่วันที่ 19-31 ส.ค. 59) จำนวนทั้งสิ้น 2,322 ราย

ต่อมามีผู้ลงทะเบียนจองสิทธิที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นขอใช้สิทธิเพียง 406 ราย หรือคิดเป็น 17.50% ของจำนวนผู้ยื่นจองทั้งหมด 2,322 ราย

อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน แจ้งต่อกระทรวงการคลังว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้จองสิทธิมายื่นเอกสารหรือไม่สามารถยื่นเอกสารเพื่อคัดกรองคุณสมบัติได้ เนื่องจากผู้จองสิทธิส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีหรือเคยมีกรรมสิทธิ์บ้านมาแล้ว จึงไม่เป็นไปตามคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นจองสิทธิ มีผู้ผ่านคุณสมบัติเพียง 388 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนเช่นกัน จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

ต่อมากรมธนารักษ์ได้พิจารณายกเลิกการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 2615 เนื่องจากมีข้อเสนอแนะเรื่องที่จอดรถที่อาจส่งผลให้รูปแบบโครงการที่เสนอไว้เปลี่ยนไป

อีกทั้งที่ผ่านมามีกระแสคัดค้านโครงการจากประชาชนและชุมชนโดยตลอด โดยคาดว่าจะทวีความรุนแรง และอาจส่งผลให้การดำเนินงานหยุดชะงักและเกิดความเสียหายต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังได้มีการเห็นชอบให้ปรับลดเนื้อที่โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ พบ. 261 พร้อมทั้งปรับลดจำนวนบ้านที่ปลูกสร้าง เนื่องจากเกิดปัญหาข้อพิพาทกับเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงด้วย

อย่างไรก็ตาม ในกรณีการซ่อมแซมและหรือต่อเติมที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้ประสานกับ ธอส. และธนาคารออมสิน ในเขตพื้นที่เพื่อเริ่มดำเนินโครงการ โดยประชาสัมพันธ์โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐผ่านสื่อท้องถิ่นและทำหนังสือแจ้งเวียนให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุได้รับทราบข้อมูลเพื่อขอรับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ

กรมธนารักษ์ได้ออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้เช่าสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอกู้เงินแล้ว จำนวน 267 ราย วงเงิน 149.116 ล้านบาท ประกอบด้วย ธ.ก.ส. จำนวน 107 นาย วงเงิน 83.806 ล้านบาท และธนาคารออมสิน จำนวน 160 ราย วงเงิน 65.310 ล้านบาท

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์