สรรพากรตั้งเป้ารีดภาษีปีงบ 63 แตะ 2.1 ล้านล้าน ฟุ้งไตรมาสแรกปีงบ 62 สูงกว่าเป้าเฉียด 3 หมื่นล.

สรรพากร ตั้งแท่นรีดภาษีปีงบประมาณ 2563 อีก 2.1 ล้านล้านบาท ฟุ้งดึงดิจิตอลอำนวยความสะดวกผู้เสียภาษี หนุนยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต ชูได้คืนทันใจภายใน 3 วัน

รีดภาษีปีงบ 63 แตะ 2.1 ล้านล้าน – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2563 กรมสรรพากรได้รับเป้าหมายการจัดเก็บภาษี 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2562 ที่มีเป้าหมายการเก็บภาษี 2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 6% ซึ่งคาดว่าการเก็บภาษีทั้งปีงบประมาณ 2562 และ 2563 จะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากกรมสรรพากรมีการเพิ่มระบบดิจิตอลเข้ามาช่วยการเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ การเก็บภาษีของกรมสรรพากรมีความสำคัญเพราะคิดเป็น 80% ของรายได้ที่เก็บให้ประเทศทั้งหมด

สำหรับการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2562 ในช่วงไตรมาสแรก ตั้งแต่เดือน ต.ค. -ธ.ค. 2561 กรมสรรพากรเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้าหมาย 2.7 หมื่นล้านบาท หรือ 7% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4 หมื่นล้านบาท หรือ 11% โดยการเก็บภาษีสูงกว่าเป้าหมายทุกตัว เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล เป็นต้น

“การเก็บภาษีที่เกินเป้าไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2562 เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษีมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าการเก็บภาษีทั้งปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ที่ต้องการภาษีเพิ่มขึ้นยังได้ตามเป้าหมาย ” นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับการผลักดันร่างกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจาณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะไม่ทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน ต้องเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่เห็นชอบใหม่อีกครั้ง โดยกฎหมายดังกล่าวจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการธุรกิจบนแพลตฟอร์มในและนอกประเทศเท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม ถึงกฎหมายออกไม่ทันก็ไม่กระทบกับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2562 และ 2563 เพราะยังไม่มีการประเมินการเก็บในส่วนนี้ไว้ในเป้าหมายการจัดเก็บ

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของเงินได้ที่เกิดขึ้นในปี 2561 ที่ต้องยื่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -31 มี.ค. 2562 หากยื่นทางอินเตอร์เน็ตสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 9 เม.ย. 2562 ขณะนี้ยังมีผู้ยื่นมาน้อยมากเพียง 7 แสนราย มีการขอคืนภาษี 4 แสนราย กรมสรรพากรได้คืนภาษีไปแล้ว 2 แสนกว่าราย หรือประมาณ 55% ของผู้ขอคืนภาษีในขณะนี้ทั้งหมด เนื่องจากผู้เสียภาษียื่นแบบทางอินเตอร์เน็ตสามารถคืนภาษีผ่านบัญชีพร้อมเพย์ได้ภายใน 2-3 วัน เท่านั้น ในกรณีที่ไม่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติม

ทั้งนี้ กรมสรรพากรคาดว่าจะมีบุคคลธรรมดายื่นแบบเสียภาษี 10-11 ล้านราย มีคนเสียภาษี 4 ล้านราย โดยตั้งเป้าหมายให้มีการยื่นแบบทางอินเตอร์เน็ต 90% จากปีก่อน 85% เพราะนอกจากได้คืนภาษีได้เร็วแล้ว ในปีนี้ระบบของกรมสรรพากรการยื่นแบบทางอินเตอร์เน็ต ยังให้สามารถอัพโหลดเอกสารผ่านทางออนไลน์ได้เลย โดยที่ผู้เสียภาษีไม่ต้องเสียเวลามายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์