ธุรกิจแบบไหน ก็ตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ ร้านก๋วยเตี๋ยวก็เช่นกัน ทำอย่างไร?

ทุกคนสามารถดำรงตนตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กันได้ทุกคน

ไม่เว้นแม้แต่ “เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว”

เพราะตลอดชีวิตผ่านมาของเขา นับตั้งแต่เรียนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก อำเภอเมือง จังหวัดตาก ก่อนที่จะกลับบ้านเกิด เพื่อมาบวชเรียนที่วัดโตนดหลวง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

เขาดำรงตนในเพศสมณะที่น่าเคารพ

ศึกษาธรรมะอย่างเข้าใจ กระทั่งไปอ่านหนังสือ “ตัวกูของกู” ของท่านพุทธทาสภิกขุ จึงทำให้เขาคิดอยากจะไปสวนโมกขพลาราม ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสนทนาธรรมกับท่านพุทธทาสภิกขุสักครั้ง

ก่อนที่จะลาสิกขามาช่วยเหลือครอบครัวในการทำธุรกิจรับซื้ออาหารทะเลที่บ้าน

เขายอมรับว่าการสนทนาธรรมครั้งนั้น ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะหลักธรรมที่ว่ามนุษย์ย่อมมีด้านดี และด้านเลว

มีด้านมืด และด้านสว่าง

มีประสบความสำเร็จ และล้มเหลว

เราจะเลือกอย่างไหน อยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น

เพราะทุกข์ก็อยู่ที่ตัวเรา สุขก็อยู่ที่ตัวเรา

ดังนั้น เมื่อเขานำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้กับชีวิตด้วย จึงยิ่งทำให้ทุกอย่างง่ายลง จนเกิดความสงบขึ้นมาภายในจิตใจ

เพราะระหว่างนั้นทางบ้านกำลังประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ครอบครัวแยกไปคนละทาง แต่ด้วยหลักธรรม และความเข้าใจเรื่องของความพอเพียง บวกกับบทเพลงของดนตรีเพื่อชีวิตที่เขาชื่นชอบมาแต่วัยรุ่น จึงทำให้เขาลุกขึ้นยืนหยัด เพื่อสร้างครอบครัวของตัวเองให้แข็งแรง

ด้วยการมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร แถบบริเวณถนนสรณคมน์ แยกสรงประภา ตรงตลาดฝั่งโขง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

เขาตั้งชื่อร้านว่า “เด่น เพชรบุรี”

อันมาจากชื่อจริงของเขาคือ “เด่นชัย พรายมณี” ที่อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และถ้าใครเคยไปเพชรบุรี จะทราบดีอยู่แล้วว่าก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรเป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อมาก

โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวน้ำแดง

เพราะปกติก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นหมู หรือเนื้อ พระเอกของชามคือน้ำซุปที่ผ่านการเคี่ยวกรำมาอย่างยาวนาน พระรองคือเนื้อสด, เนื้อเปื่อย, เครื่องใน หรือลูกชิ้น

แต่สำหรับก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร เขาจะปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนด จึงทำให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม ซึ่งทุกร้านจะต้องเสิร์ฟด้วยน้ำจิ้มซอสพริก และพริกกะเหรี่ยงแดง อันถือเป็นเคล็ดลับแต่บรรพโบราณที่ทำให้น้ำของก๋วยเตี๋ยวเข้มข้น และอร่อยลิ้นมากขึ้น

ที่สำคัญ ทุกโต๊ะจะมีขวดซอสพริกศรีราชาวางประดับไว้ให้ลูกค้าเติม ใครชอบเผ็ดมาก เผ็ดน้อย ก็เติมใส่ในชามก๋วยเตี๋ยวได้อย่างใจต้องการ

โดยร้าน “เด่น เพชรบุรี” นอกจากจะมีพระเอก พระรองหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด เนื้อเปื่อย ตับ ลูกชิ้น ยังมีก๋วยเตี๋ยวหมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูทางเลือก สำหรับคนไม่กินเนื้อด้วย

โดยหม้อของก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และหมู จะแยกออกจากกัน เพื่อให้ลูกค้าสบายใจ และก๋วยเตี๋ยวหมูจะมีก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น, หมูหมัก, ตับ, ลูกชิ้น

สนนราคาคิดง่ายๆ คือถ้าเป็นเกาเหลาเนื้อ หรือหมู ตกราคาชามละ 40 บาท แต่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หรือหมูธรรมดา ชามละ 35 บาท พิเศษ 40 บาท

ผมเคยถามเขาว่าลูกค้าชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หรือหมูมากกว่ากัน เขาบอกว่า…ตอนแรกๆ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อขายดีกว่า เพราะเป็นซิกเนเจอร์ของก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร แต่ตอนหลังคนเริ่มกินหมูมากขึ้น จึงทำให้ก๋วยเตี๋ยวหมูขายดีมากขึ้นไปด้วย

พูดง่ายๆ คือสัดส่วนพอๆ กัน

เพราะก๋วยเตี๋ยวจะอร่อย หรือไม่อร่อย อยู่ที่น้ำซุป

“เราให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำซุปมาก และเราจะใช้เวลาต้มนาน ดังนั้น พอลูกค้ากิน เขาจะรู้เลยว่าน้ำซุปของเราถึงรสชาติ เพราะมีความหวานของน้ำตาลโตนดเจือปน เหมือนกับเนื้อเปื่อย หมูตุ๋นก็เช่นกัน เราใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเคี่ยวเนื้อให้เปื่อย หรือตุ๋นหมูให้เปื่อย เพราะเราเองอยากให้ลูกค้ากินของดี”

“เราจึงพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกซื้อเนื้อ หรือหมูจากเจ้าที่เราคัดสรรเป็นพิเศษ และเชื่อใจกันเป็นเวลานาน คนส่งของเขาจะรู้เลยว่าเราขายของดี ก็เลยพยายามหาของดีๆ มาให้เรา จนกลายเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะกินที่เมืองเพชร หรือกินที่ร้านเรา ก็จะรู้รสชาติเลยว่านี่คือก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร”

“บางคนมาเล่าให้ฟังว่าเพิ่งเคยกินก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรครั้งแรก และพอเขาไปเที่ยวเพชรบุรี เขาเห็นทุกโต๊ะมีน้ำจิ้มซอสพริก และพริกกะเหรี่ยงเหมือนกับที่ร้านเรา หรือเห็นซอสศรีราชาตั้งอยู่ทุกโต๊ะ เขาจะกลับมาเล่าให้ฟังว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่เพชรบุรี มีทุกอย่างเหมือนกับร้านพี่เลย”

“เด่นชัย” บอกว่า กลุ่มลูกค้าที่นี่ค่อนข้างหลากหลายอาชีพ ทั้งพ่อค้า ประชาชน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานออฟฟิศ และบุคคลทั่วไป

“ผมเปิดขายตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย 4 โมงทุกวัน ไม่มีวันหยุด ยกเว้นถ้ามีธุระอะไรจะแจ้งบอกลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊กบ้าง หรือจากปากตัวเองบ้าง ส่วนที่ใครชอบบอกว่าร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเพื่อชีวิต ก็เพราะผมชอบเพลงคาราวานมาตั้งแต่วัยรุ่น ผมจึงเปิดเพลงคาราวานบ้าง พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ บ้างหรือเพลงเพื่อชีวิตคนอื่นๆ บ้างให้ลูกค้าฟัง จนใครๆ ชอบแซวว่าผมคอการเมือง”

“จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก…” เด่นชัย บอกด้วยสำเนียงคนบ้านปากคลอง ตำบลบ้านท่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี “ผมก็แค่คนหนึ่งที่สนใจข่าวสารบ้านเมืองเท่านั้น”

“ผมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน

เพื่อจะได้คุยกับลูกค้ารู้เรื่อง”

“และทุกวันนี้ ผมพยายามเพิ่มขนมหวานต่างๆ ให้ลูกค้าด้วย อาทิ ข้าวเหนียวถั่วดำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย ในราคาถ้วยละ 20 บาท ส่วนข้าวเหนียวทุเรียน ถ้วยละ 40 บาท นอกจากนั้นผมยังมีขนมถ้วยด้วย

เนื่องจากก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร อาจจะเผ็ดสำหรับใครบางคน ผมจึงเตรียมขนมหวานเผื่อลูกค้า เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง”

จนทำให้ร้าน “เด่น เพชรบุรี” กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบก๋วยเตี๋ยวแถบละแวกนี้ และบริเวณใกล้เคียง ทั้งยังกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับแฟนคลับชาวเพชรบุรีที่มาทำงานในเมืองหลวง

เพราะพวกเขาอยู่ไกลบ้าน

พอมากินก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชร ก็จะทำให้หายคิดถึงบ้านไปได้บ้าง

ที่สำคัญ ยังได้พูดภาษาเพชรบุรีกันอีกด้วย

เพราะทุกวันนี้ “เด่นชัย” ไม่เพียงดำเนินธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อเลี้ยงครอบครัว หากยังดำเนินธุรกิจตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9

โดยเฉพาะเรื่องพออยู่ พอกิน พอเพียง

เพราะสิ่งเหล่านี้คือของจริง สิ่งเหล่านี้คือคำสอนของ “พ่อหลวง” ที่เขานำมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จนทำให้ร้าน “เด่น เพชรบุรี” กลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรเพียงหนึ่งเดียว ที่อยู่คู่ดอนเมืองมาตลอดหลายสิบปี

ว่างๆ ไปอุดหนุนกันนะครับ

แล้วจะรู้เลยว่าก๋วยเตี๋ยวเมืองเพชรเลิศรสเพียงใด?