ผู้เขียน | สาโรจน์ มณีรัตน์-เรื่อง |
---|---|
เผยแพร่ |
ช่วงนี้หันหน้าไปทางไหน มีแต่คนบ่นเรื่องแรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศของตนกันอย่างคึกคัก จนทำให้ผู้ประกอบการใหญ่ กลาง เล็ก โอดครวญกันเป็นทิวแถว
สาเหตุคงอย่างที่ทราบๆ กันว่าเพราะอะไร? ทำไมถึงเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้?
แม้ภาครัฐจะออกมาแก้เกมอยู่บ้าง แต่คงจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะแรงงานต่างด้าวพวกนี้คิดอย่างเดียวว่าขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน
รอให้พวกคุณเคลียร์เรื่องในประเทศให้เสร็จเสียก่อน ค่อยกลับมาว่ากันใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการของไทยเอง ส่วนหนึ่งก็อยากให้กลับ เพราะเขาคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าปรับในราคาหลักแสนถึง 1 ล้านบาท
แต่บางคนก็ไม่อยากให้กลับประเทศ
เพราะการกลับประเทศของแรงงานต่างด้าว ไม่เพียงทำให้ธุรกิจของเขาเกิดความเสียหาย ยังจะเป็นการเติมความชอกช้ำในใจต่อการทำธุรกิจของเขาให้มากขึ้นด้วย
โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่และกลาง ที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเสียส่วนใหญ่
แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอาจพอถูไถไปได้บ้าง แต่กระนั้น ต้องยอมรับความจริงว่าปัจจุบันคนไทยไม่ทำงานอะไรที่ใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว
หนักไม่เอา เบาไม่สู้
ตรงนี้จึงเป็นช่องว่างที่ทำให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานทุกอย่างในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแบกหาม ขายของ ล้างจานชาม เสิร์ฟ และอะไรต่อมิอะไร
จนทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้บ้าง
เพราะค่าแรงบ้านเราสูงกว่าบ้านเขาหลายเท่าตัว
ผมเคยถามพวกเขาว่าไม่คิดอยากกลับประเทศบ้างหรือ แรงงานพม่าคนหนึ่ง ขายข้าวหมูแดงแถวหน้าธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า…อยู่ที่นี่สบายกว่า
เงินดีกว่า
คุณภาพชีวิตก็ดีกว่า
ตอนนี้ยังไม่อยากกลับ ต้องรอให้มีเงินเก็บสักก้อน ค่อยมาว่ากันอีกที
ขณะที่เด็กเสิร์ฟชาวเวียดนามคนหนึ่ง ทำงานร้านอาหารแถวประชาชื่นก็ตอบในความหมายคล้ายๆ กันว่า…คนไทยไม่อยากทำงานแบบนี้แล้ว จึงเป็นโอกาสของพวกเราที่มาทำงานที่นี่
ไม่เพียงเงินจะดี
ยังมีข้าวกิน
มีทิปที่ลูกค้าให้อีก
แถมยังมีเงินเก็บออมส่งให้ที่บ้านอีกด้วย
ฉะนั้น จะเห็นว่าตัวอย่างของแรงงานต่างด้าวทั้ง 2 คนที่ตอบคำถามผม ในเรื่องเกี่ยวกับการทำงานที่เมืองไทย แทบไม่มีสักรายบ่นว่าทำงานเมืองไทยไม่ดี
เพราะเขารู้ดีว่าทำงานที่บ้านเขาผลตอบแทนเป็นอย่างไร
คุณภาพชีวิตแตกต่างกันขนาดไหน
แต่ที่ทำให้เป็นปัญหาจุกอกคือการเข้าออกของแรงงานเหล่านี้ล้วนผิดกฎหมายทั้งสิ้น โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ประมง บริการ และอื่นๆ
ดังนั้น พอภาครัฐออกมาตรการในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ประกอบการหลายรายจึงรู้ดีว่าเขาจะต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
และถ้าไม่จ่ายจะต้องถูกปรับในอัตราไหนบ้าง
เขาจึงลอยแพแรงงานต่างด้าวเหล่านั้น
ในทางเดียวกัน แรงงานต่างด้าวก็รู้ดีเช่นกัน เพราะถ้าเขาขืนอยู่ต่อ เขาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานตลอดหลายเดือน และหลายปีผ่านมา ยังไม่เพียงพอเลยต่อการจ่ายให้ภาครัฐ
ที่สุดจึงเลือกกลับบ้านก่อนดีกว่า
โอกาสหน้าฟ้าใหม่ค่อยมาว่ากันอีกที
ในแง่หนึ่งผมคิดว่าการจัดระเบียบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะบ้านเราปล่อยปละละเลยมายาวนาน ปล่อยให้ขบวนการนายหน้าเอาผลประโยชน์ใส่ตัวมานานหลายสิบปี
ขณะเดียวกัน เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงภายในชาติของเราด้วย เพราะถ้าขืนปล่อยให้แรงงานเหล่านี้เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย พอเกิดเหตุที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน และชีวิตของคนไทย คนเหล่านี้จะลอยนวลหนีเข้าประเทศของเขา โดยที่กฎหมายไทยทำอะไรไม่ได้เลย
แต่กระนั้น ต้องยอมรับความจริงว่าในกลุ่มอุตสาหกรรมบางประเภท หรือธุรกิจขนาดย่อมบางประเภทแรงงานไทยของเราไม่ทำแล้วจริงๆ
เขาจึงต้องจ้างแรงงานต่างด้าว
เพราะคนเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำงาน
เข้ามาเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว พวกเขาจึงไม่เกี่ยงงอนว่าเขาจะต้องทำงานอะไร ขอให้ได้เงิน มีที่อยู่หลับนอน มีข้าวกิน และมีเงินเดือนเลี้ยงปากท้อง เขาก็พร้อมที่จะทำงานทุกอย่าง
ดังนั้น คนเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนแรงงานคู่กายของผู้ประกอบธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดย่อมที่มีลูกน้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
พอพวกเขากลับบ้านไป จึงกระเทือนทันที
ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย ทุกคนต่างทราบดีว่ามีแต่คนขายของ แต่แทบไม่มีคนซื้อเลย ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจฐานรากกลายเป็นอัมพาตแบบนี้ จึงเป็นอาการที่น่าห่วงอย่างมาก
และไม่เฉพาะแต่พ่อค้าแม่ขายเท่านั้น
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็เช่นกัน
ดังนั้น ทางออกของเรื่องนี้จึงต้องพยายามประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย อะไรที่เห็นแล้วว่าจะเป็นหนี้ในอนาคต ก็พยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวานจะดีกว่า
อย่าเพิ่งพยายามไปลงทุนอะไรเลย
เก็บหอมรอมริบเงินให้อยู่เต็มกระเป๋าไว้ก่อน
เพื่อรอดูว่าในอนาคต หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจค่อยๆ โงหัวขึ้น จึงค่อยมาว่ากันอีกที โดยเฉพาะกับคนที่ทำมาค้าขายทั้งในโลกเสมือนจริงและโลกออนไลน์
ค่อยๆ ดูจังหวะกันไปนะครับ
อย่าเพิ่งรีบร้อน
ไม่เช่นนั้นจะหาว่าไม่เตือน?