SMEs รู้ไหม การยื่นขอสินเชื่อธนาคาร ยาก-ง่าย อยู่ที่ ปัจจัย 6 ข้อ

SMEs รู้ไหม การยื่นขอสินเชื่อธนาคาร ยาก-ง่าย อยู่ที่ ปัจจัย 6 ข้อ

ในการทำธุรกิจหรือเริ่มต้นทำธุรกิจ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของ เงินทุน แต่หากเงินทุนไม่พอก็ต้อง ยื่นกู้ หรือ ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร แต่ผู้ประกอบการก็มักจะมีความกังวลพร้อมกับคำถามว่า การขอสินเชื่อธนาคารนั้นขอยากหรือไม่ และใช้เวลาเท่าใดจึงจะได้เงินกู้ ซึ่งการจะยื่นกู้ยากหรือง่ายนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้

1. เงินกู้ที่จะขอ เอาไปใช้ทำอะไร เงินกู้ที่ได้ ควรนำไปก่อเกิดประโยชน์ในกิจการ เพราะหากผู้ประกอบการตอบว่า กู้ยืมไปใช้หนี้เก่า ก็จะไม่มีทางได้เงินกู้จากธนาคารเด็ดขาด เพราะธนาคารอาจมองว่า เป็นการพอกหนี้เสียมากกว่า

2. หากกู้เงินเพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเงินลงทุนของตัวเอง มากกว่าเงินที่ทำเรื่องกู้จากธนาคาร เพราะโครงสร้างเงินทุน เป็นเรื่องสำคัญที่ธนาคารจะใช้ในการพิจารณา หากเรามีเงินลงทุนประมาณ 60-70% ของการลงทุนและอีก 30% ที่เหลือไปขอสินเชื่อจากธนาคาร ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เงินกู้

3. การเดินบัญชีและการรักษาเครดิตของกิจการและเจ้าของกิจการ ถือเป็นข้อที่สำคัญมาก เพราะหากมีหนี้บัตรเครดิตหรือขาดการผ่อนชำระ แม้จะไม่เคยมีวงเงินกู้กับธนาคารใดเลยก็ตาม แต่เมื่อทางธนาคารขอความยินยอมให้ตรวจสอบข้อมูลจากเครดิตบูโร แล้วพบว่ามีหนี้เช่าซื้อค้างชำระ ประมาณ 2-3 งวด โอกาสที่จะได้เงินกู้จะยากขึ้น

4. ธนาคารจะวิเคราะห์ว่า ธุรกิจที่ผู้ประกอบการมาขอสินเชื่อ มีโอกาสสร้างกำไรได้หรือไม่ เพราะธนาคารจะดูแนวโน้มธุรกิจ และภาพรวมกิจการทั้งหมด หากเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะ อีกทั้งต้องให้เครดิตเทอมกับลูกหนี้การค้าเป็นระยะเวลาที่ยาว รวมทั้งผลตอบแทนกำไรที่ต่ำ ก็อาจจะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ก็ได้

5. ผู้ยื่นขอสินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่ หากเป็นเงินกู้จำนวนไม่เกิน 2 แสนบาท ธนาคารมักขอให้ผู้ยื่นกู้หรือขอสินเชื่อหาบุคคลค้ำประกันแทน ซึ่งคุณสมบัติของผู้ค้ำประกันแทน ควรเป็นข้าราชการหรือพนักงานประจำที่มีเงินเดือนแน่นอน ส่วนผู้ที่ขอสินเชื่อในวงเงินสินที่สูงกว่า 2 แสนบาท ธนาคามักจะขอหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง อาคาร โรงงาน หรือบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของกิจการ

หากกิจการนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสูง แม้ว่าหลักทรัพย์ค้ำประกันจะมีราคาที่ต่ำกว่าวงเงินที่ขอสินเชื่อไป ทางธนาคารจะไปขอให้บรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกันในส่วนที่ขาด โดยคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มจากดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระให้กับธนาคาร โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้เป็นรายได้ของ บสย. นั่นเอง

6. เจ้าของกิจการ มีความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมาก่อนหรือไม่ หรือหากเจ้าของกิจการมีใบสั่งซื้อสินค้า ควรนำไปเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความมั่นใจ ให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อได้เร็วอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม