“Bioveggie” กับแนวคิด “ผักอัดเม็ด” นวัตกรรมสู่ ‘ทางเลือกใหม่ของการทานผัก’

เปิดมุมมองผู้บริหาร และทำความรู้จักแบรนด์ “Bioveggie” กับแนวคิด “ผักอัดเม็ด” นวัตกรรมสู่ ทางเลือกใหม่ของการทานผัก

เปิดโลกนวัตกรรมอาหารแห่งโลกอนาคต ฝีมือคนไทย 100% ตั้งแต่การคิดค้น วิจัย ทดลอง สู่อาหารที่ชาวต่างชาติยกให้เป็น “Moon Food” ผ่านบทสัมภาษณ์จาก คุณวิริยา พรทวีวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด

คุณวิริยา พรทวีวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด
คุณวิริยา พรทวีวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด

ใครจะคิดว่า เรามาถึงจุดที่นำผักสดๆ ไปอัดเม็ดทานกันแล้ว…แต่แบรนด์ Bioveggie ทำให้เราว้าวได้มากกว่านั้น ด้วยผักอัดเม็ด 5 สี ที่ยังคงคุณค่าทางสารอาหารของผักแต่ละชนิดไว้ได้สูงถึง 80-90% โดย “ผัก 12 ชนิดใน 5 เม็ด 5 สี ทดแทนสลัดจานใหญ่ได้ 1 จาน” ประกอบด้วย

  • สีเขียว = ปวยเล้ง เซเลอรี บร็อกโคลีนี และ พาร์สเลย์
  • สีเหลือง = ฟักทองญี่ปุ่น และ แคร์รอต
  • สีม่วง = กะหล่ำปลีแดง และ บีทรูท
  • สีแดง = มะเขือเทศเชอร์รี และ พริกหวาน
  • สีเขียวอ่อน = ต้นหอมญี่ปุ่น และ ผักชีล้อม

นอกจากจะสามารถรักษาคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วนเกือบ 100% แล้ว ยังอุดมไปด้วยกากใยจากธรรมชาติ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระใกล้เคียงกับผักสด ปราศจากสารเคมีตกค้าง และไม่มีการปรุงแต่งวิตามินสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น

คุณวิริยา กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกระบุว่า คนเราต้องทานผักถึง 400 กรัมต่อวัน นั่นหมายความว่า เราต้องทานผักจานใหญ่ๆ ทุกวัน แต่ความเป็นจริง จากที่เราทำการสำรวจ พบว่าในชีวิตจริง คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ นอกจากจะเป็น Vegetarian ปัญหาที่ตามมาทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วยง่าย

“…เราคิดว่า ทำยังไงให้คนทานผักได้ง่ายๆ เลยอัดเป็นเม็ด เราไม่ได้ใส่สารเคมี หรือสารปรุงแต่งใดๆ ให้สารอาหารที่มีอยู่เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ เปลี่ยนรูปแบบจากที่เคยทานผักเป็นจาน มาทานผัก 5 เม็ด 5 สี ทานง่าย เติมเต็มสารอาหารได้ทุกมื้อ ทุกวันด้วย ซึ่งทานครบ 5 สีก็จะได้ ไฟโตนิวเทรียนต์ ( Phytonutrients) ครบ…”

เทรนด์ธุรกิจทางเลือกใหม่ที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย และทุกไลฟ์สไตล์ แม้แต่คนที่ไม่ชอบทานผัก ก็สามารถทานผักอัดเม็ด Bioveggie ได้ง่ายๆ แถมยังใส่ใจในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้พกพาสะดวก ไปได้ทุกที่ สมกับคำที่ชาวต่างชาติยกย่องให้เป็น “Moon Food” เพราะแม้แต่นักบินอวกาศก็พกไปทานบนยานได้

โจทย์ธุรกิจท้าทาย…ทำไมต้องเป็น “ผัก”

จุดเริ่มต้น บจก. เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ เริ่มจดทะเบียนบริษัทในปี 2554 ก่อนหน้านั้นทำธุรกิจเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์มายาวนาน จนเกิดความอิ่มตัว ประกอบกับธุรกิจครอบครัวของสามี ทำเกี่ยวกับการเกษตรอยู่แล้ว พอเราเข้าไปสัมผัส ก็เห็นว่า พืชผลทางการเกษตรมีมากจนเหลือล้น ก็ทิ้งกันเลย ดูแล้วน่าเสียดายเลยคิดว่าจะถนอมอาหารสิ่งที่ต้องทิ้ง ทำยังไงให้เก็บไว้ได้นานที่สุด และเกิดเป็นสินค้าที่ส่งไปสู่ผู้บริโภคได้

“สามีเลยตัดสินใจว่าใช้วิธีอบแห้งนี่แหละ ดีที่สุด สมัยนั้นการอบแห้งมีแต่วิธีที่มักจะทำลายสารอาหารออกไป เช่น การใช้ความร้อนสูง สิ่งที่ได้มาหลังจากอบแห้งแล้ว คือทานแค่กากใยเท่านั้นเอง ซึ่งสารอาหารเหลือน้อยมากไม่มีประโยชน์อะไร”

การมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ทำให้คุณวิริยาและสามี เริ่มศึกษา-คิดค้นวิธีการอบแห้งที่เป็น Signature ของ ‘บจก. เชียงใหม่ไบโอเวกกี้’ ขึ้นมา อาศัยความร่วมมือจากเพื่อนซึ่งเป็นวิศวกร ผสมผสานกับความรู้ของตนเองที่เคยคลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มาอย่างยาวนาน จนเกิดมาเป็นเครื่องอบแห้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

กว่าจะมาเป็นผักอัดเม็ด 5 สี…

คุณวิริยา เล่าว่า ธุรกิจเริ่มต้นที่บ้าน ทดลองทำเครื่องจักรขนาดเล็กอยู่ในโรงรถเล็กๆ เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงตลอดทุกชั่วโมง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของผักที่ไปอบ จากจุดเริ่มต้นนั้น สาหัสมาก

“…ตอนนั้น ทำแล้ว เห็นผลสำเร็จในเชิงของ Lab scale โดยผักที่เราอบแห้งไปแล้วสามารถ Reform กลับมาเหมือนสดได้เลย ทั้งกลิ่น รสชาติ และคุณค่าทางสารอาหาร เรานำเอาผักที่ผ่านการอบแห้ง เข้าห้อง Lab ดูว่าคุณค่าสารอาหารลดน้อยลงไปแค่ไหน

ผลการทดสอบทำให้เรารู้ว่าลดลงไปแค่ 5-10% เท่านั้นเอง เพราะเราใช้ระบบความร้อนต่ำ ประกอบกับเทคโนโลยีชั้นสูง กลายมาเป็นนวัตกรรม หลังจากนั้น เริ่มมองถึงสเกลอุตสาหกรรม เริ่มทำเวิร์กช็อป ใช้ช่างที่เป็นทีมงานของเราทั้งหมด ไม่มีการนำเข้าเครื่องจักร หรืออะไหล่จากต่างประเทศ

เพราะฉะนั้น ถือเป็นเครื่องจักรสัญชาติไทยเลย กว่าจะเป็น Industrial ได้ ผ่านการปรับเปลี่ยนและลงทุนไปมากพอสมควร แต่ด้วยความมุ่งมั่น เราคิดว่าเราต้องทำได้ จากวันแรกมาจนถึงวันที่คิดค้นนวัตกรรมการอบแห้งในแบบฉบับของ Bioveggie ได้สำเร็จ และเริ่มวางจำหน่ายนั้น ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี”

ผักอัดเม็ด นวัตกรรมแรกของไทย กับปัญหาด้านการสื่อสาร

หนึ่งในด่านหินของผู้ประกอบการหลายรายในอุตสาหกรรมอาหารและยา โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ก็คือ การขออนุญาตจดทะเบียน อย.

ปัญหาแรกก็คือ ผักอัดเม็ด ยากมากกับการจด อย. เพราะเป็นเรื่องใหม่มากในประเทศไทย ณ เวลานั้น เพราะฉะนั้น อย. จึงต้องตรวจละเอียด ผักอัดเม็ด 5 สี ใช้เจ้าหน้าที่ตรวจ 5 คน แล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน ว่า ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน

กว่าที่เราจะได้รับอนุญาต ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ขณะเดียวกัน ก็มีปัญหาเรื่องแพ็กเกจจิ้ง เนื่องจากข้อจำกัดในการแยกประเภทสินค้าของ อย. ทำให้สินค้าของ Bioveggie ถูกจัดอยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ข้างกล่องต้องระบุว่า ‘เด็ก และสตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน’ แม้เราจะไม่ได้ใส่สารเคมีใดๆ ก็ตาม ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็น Target group ของเรา”

Bioveggie พยายามปรับใช้กลยุทธ์การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง เว็บไซต์ และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ให้ลูกค้าได้รับทราบว่า “ผักอัดเม็ด” มีสารอาหาร และคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง พร้อมกับการทำคอนเทนต์เชิงให้ความรู้ในด้านสุขภาพ ควบคู่ไปกับการสื่อสารในช่องทางออฟไลน์ อย่างการไปออกบูธ ตามอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งมีการแจกสินค้าให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ลองชิมกันด้วย จนได้กระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ

จุดเปลี่ยนท่ามกลางวิกฤต

หลังจากก่อตั้งได้ไม่นาน ได้เข้าร่วมโครงการ “นวัตกรรมดี ไม่มีดอกเบี้ย” ของธนาคารกรุงเทพ เพื่อระดมทุนในการขยายธุรกิจ หลังจากเข้าโครงการแล้ว NIA (สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ) ให้ความสนใจ ขอเข้ามาเยี่ยมชมโรงงาน ทีมผู้บริหาร NIA มองว่าเป็นสิ่งใหม่ของประเทศ และมองว่าเป็นธุรกิจนวัตกรรมที่มีโอกาสไปถึงระดับโลกได้

ทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA จึงได้คัดเลือกเราเป็นธุรกิจในอันดับ 1 ของประเทศ จาก 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรม ประจำปี 2555 ถือเป็นการผลักดันให้ธุรกิจเราขยับขึ้นมาอยู่ในแนวหน้า และเกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น

กลยุทธ์กระจายความเสี่ยง สู่ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น

ปัจจุบัน มีการแปรรูปผักหลายร้อยตันต่อปี โดยใช้ผักจากเกษตรกรภายใต้การดูแลของ มูลนิธิโครงการหลวง 100% ในการผลิตผักอัดเม็ด 5 สี  ในช่วงนั้นบริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และคัดสรรวัตถุดิบจากกลุ่มเกษตรกรคุณภาพเข้ามาเสริม

อาทิ Gummy V mix Veggie ซึ่งเป็นวิตามินซี เยลลี่รสผลไม้รวมรายเดียวในไทย ที่ผสมผักแท้ๆ 5 ชนิด เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ให้กับกลุ่มเด็กอีกด้วย ชิ้นเยลลี่ของเรา ถ้าลองมองผ่านกล้องขยายดู จะเห็นผงของผักชนิดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราวิจัยและพัฒนาด้วยตนเอง

นอกจากนี้ บจก. เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ มีแผนการผลิตอาหารเฉพาะกลุ่ม เช่น อาหารเหลวสำหรับผู้ป่วย หรืออาหารสำหรับผู้ป่วยเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็น ผู้ป่วยโรคความดัน เบาหวาน ฯลฯ ซึ่งเป็นการทำวิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล

ล่าสุด ยังมีการพัฒนาผักอัดเม็ดให้มีคุณสมบัติพิเศษ โดยการเสริมโปรไบโอติก เพื่อช่วยเรื่องการปรับสมดุลในร่างกาย การดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ และช่วยเรื่องการเผาผลาญ โดยผลการทดลองกับอาสาสมัคร ยังพบว่า ช่วยในเรื่องของการนอนหลับและระบบขับถ่ายได้ดีอีกด้วย

ต่อยอดธุรกิจนวัตกรรม สู่การยืดอายุน้ำผลไม้

เรากำลังมองเรื่องของการยืดอายุน้ำผลไม้ต่างๆ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยใช้ Process ความเย็นระดับเยือกแข็งระดับนาโน ซึ่งยังอยู่ในขั้นทดลองและมีแนวโน้มที่ดี ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่เราภาคภูมิใจ การพัฒนานวัตกรรมสำหรับน้ำมะนาว หลังจากผ่านกระบวนการนี้แล้ว เก็บแบบแช่แข็ง สามารถเก็บได้นานถึง 2 ปี

ความพิเศษอยู่ที่ เมื่อนำมาละลายแล้ว ยังยืดอายุน้ำมะนาวให้มีความหอม และความสดเหมือนมะนาวที่เพิ่งเด็ดจากต้นได้นานถึง 3 เดือนเมื่อเก็บในช่องเย็นปกติโดยไม่ต้องแช่แข็งซ้ำ ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในตลาดตอนนี้

เราทดลองปลูกมะนาวเอง ปลูกทุกสายพันธุ์ จนจบที่มะนาวสายพันธุ์ ไร้เมล็ด ปลูกในระบบ Digital Farm มีระบบควบคุมการให้น้ำ ควบคุมความชื้น พอเราชำนาญแล้ว ก็ไปส่งเสริมให้ความรู้กับกลุ่มเกษตรกรทางภาคเหนือที่เราคอนแทกต์กันไว้ ให้เขาผลิต เรารับซื้อ โดยมีสัญญากันว่าสินค้าจะต้องมีมาตรฐานตามที่เราต้องการ

การทำมาตรฐานเกษตรปลอดภัย ส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สุขภาพดี มีรายได้แน่นอนชัดเจน และด้วยหลักธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจของเราตลอดมา เรายังรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาดอีกด้วย “นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน เราพร้อมที่จะพัฒนาน้ำผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ ที่เราจะช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้ในระดับประเทศ”

ติดตามอ่านเรื่องราวดีๆ รวมไปถึงบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะช่วยให้ข้อคิด แนวคิด และเคล็ดลับในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ที่ www.Bangkokbanksme.com

รู้จัก “Bioveggie” ได้ที่ https://bioveggie.net/