หลายคนที่อยู่ในวงการธุรกิจน่าจะรู้จักการทำ SEO กันมาบ้างแล้วและคงทราบดีว่าทุกวันนี้มีบริษัทรับทำ SEO อยู่มากมายในตลาด วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาคุณมาดูว่าเอเจนซี่รับทำSEO แบบถูกต้องตามกฎของ Google ที่ให้บริการทำ SEO แบบสายขาว และเป็นผลดีต่อธุรกิจ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญสูง เขามีขั้นตอนการให้บริการอย่างไรบ้าง

สำหรับใครที่ยังใหม่ ขออธิบายง่ายๆ ว่าการทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ไปแสดงบน Google เวลามีคนค้นหาแบบที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้ Google แต่ถ้าเป็นการนำเว็บไซต์ไปแสดงบน Google แบบเสียเงินโฆษณา อันนั้นจะเรียกว่า Google Ads

ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่าการรับทำ SEO ที่ดีต้องเน้นที่คุณภาพของเว็บไซต์และคอนเทนต์ ไม่ยุ่งกับการปั่นอันดับด้วยระบบสแปมต่างๆ ซึ่งการหลอกระบบของ Google อาจทำให้อันดับขึ้นได้เพียงระยะสั้นๆ แต่สักพักอันดับก็จะตก และอาจส่งผลถึงการโดน Google แบนเว็บไซต์ ซึ่งผลเสียต่อธุรกิจโดยตรง ทำให้ผู้ให้บริการรับทำ SEO รวมถึงเจ้าของเว็บไซต์ที่เน้นการทำ Search Marketing และ Inbound Marketing แบบจริงจัง จะไม่เลือกใช้เทคนิคที่หลอกระบบของ Google และหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพ ซึ่งอาจใช้เวลากว่า แต่ชัวร์กว่าแน่นอน

บริษัทรับทำ SEO มีหน้าที่อะไรบ้าง 

อธิบายง่ายๆ หน้าที่หลักของบริษัทที่ให้บริการทำ SEO คือการทำให้ Google “ถูกใจ” เว็บไซต์ของลูกค้า ซึ่งคำว่า “ถูกใจ” อาจฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่จริงๆ Google ใช้ปัจจัยกว่า 200 ด้านเพื่อมาประเมินความ “ถูกใจ” และนำเนื้อหาของเว็บไซต์ที่ใช่ที่สุดขึ้นไปแสดงผลบนอันดับแรกๆ โดยตัวอย่างปัจจัยที่ Google ใช้มาวัดผล เช่น

• ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
• ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา
• ความปลอดภัยในการใช้งาน
• ความสะดวกในการเข้าใช่งาน เช่น การทำเว็บไซต์ให้เป็น​​ Responsive Design
• โครงสร้างเว็บไซต์ที่เข้าใจง่าย
• มีเนื้อหาสดใหม่ ไม่เหมือนใคร

ทั้งนี้ เพื่อให้เว็บไซต์ของลูกค้าที่ใช้บริการรับทำ SEO มีเนื้อหาที่ตอบโจทย์การค้นหามากที่สุด โดยหน้าที่ของบริษัทรับทำ SEO คือการวิเคราะห์ว่าแต่ละเว็บไซต์นั้นมีจุดไหนที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ หรือหากเว็บไซต์ไหนมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่เก่าเกินกว่าจะนำมาปรับปรุง ก็อาจจะต้องทำการพัฒนาเว็บไซต์ใหม่

6 ขั้นตอนการทำ SEO ที่ขาดไม่ได้

1. การตรวจสอบเว็บไซต์

ขั้นตอนแรกในการทำ SEO ก็คือการตรวจสอบเว็บไซต์ หรือการทำ Website Audit โดยมีทั้งการตรวจสอบเว็บไซต์ทางเทคนิคและเนื้อหา เพื่อดูสถานะเว็บไซต์ปัจจุบันว่ายังมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง และมีปัญหาไหนที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

ตัวอย่างปัญหา SEO ทางเทคนิคก็คือความเร็วในการโหลดเนื้อหาบนเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การใส่วิดีโอไว้ที่หน้าโฮมเพจซึ่งต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดนาน หรือการใส่ไฟล์ภาพขนาดใหญ่เกินจำเป็น เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อาจไม่ต้องการรอเพื่อเข้าชมเนื้อหาบนเว็บไซต์ของลูกค้าอีกต่อไป เป็นการสูญเสียโอกาสของการมีลูกค้าเป้าหมายเข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์ไปอย่างน่าเสียดาย

เมื่อตรวจสอบและเห็นปัญหาต่างๆ แล้ว บริษัทรับทำ SEO ที่มีความเชี่ยวชาญก็จะต้องรู้ด้วยว่าสามารถแก้ไขได้อย่างไร หรือต้องปรับเว็บไซต์ไปในทิศทางไหนเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการนำข้อมูลไป Index มากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้ ทำให้งานบริการด้าน SEO ยังเป็นที่ต้องการในตลาด

เว็บไซต์ไหนที่มีเนื้อหาเยอะมากๆ ก็อาจส่งผลต่อการทำ SEO เช่นกัน เพราะอาจเกิดการทับซ้อนกันของเนื้อหาหรือเนื้อหาซ้ำกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อ SEO และการ Audit ในด้านนี้ก็อาจใช้เวลา แต่บริษัทที่เชี่ยวชาญก็จะมีเครื่องมือเข้ามาช่วยตรวจสอบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2. ลงมือแก้ไขจุดบกพร่องทางเทคนิคและเนื้อหาบนเว็บไซต์

หลังจากที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางเทคนิคและเนื้อหาไปแล้ว บริษัทรับทำ SEO ที่เชี่ยวชาญจริงจะต้องสามารถลงมือแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้เว็บไซต์ของลูกค้ามีจำนวนของการค้นหา Organic Search ที่มากขึ้น

โดยการปรับด้านเทคนิคและเนื้อหาจะต้องสอดคล้องกับ Keyword ของธุรกิจลูกค้า บริษัท​ SEO ที่ดีควรรู้ว่า Keyword ไหนควรทำและ Keyword ไหนยังไม่ถึงเวลาทำ ซึ่งไม่ใช่แค่การปรับนิดๆ หน่อยๆ แล้วจบ แต่จะต้องดึงเทคนิคอื่นๆ เข้ามาปรับใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำ Internal Link การทำ Meta Tags ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ไปจนถึงการทำ XML Sitemaps และการตรวจสอบ Broken URLs โดยกระบวนการเหล่านี้จะใช้เวลาและต้องมีการทำเป็นขั้นตอนตามความเหมาะสมของแต่ละเว็บไซต์

3. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

การค้นหาคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสำหรับบริษัทรับทำ SEO เพื่อที่จะรู้ว่าปกติแล้วผู้ใช้งานค้นหาด้วยการใช้คำว่าอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ การใช้เครื่องมือสำหรับค้นหาคีย์เวิร์ดจะช่วยให้เรารู้ว่ามีใครคนหาคีย์เวิร์ดคำไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และยังมีคีย์เวิร์ดไหนที่เกี่ยวข้องอีกบ้าง

การเลือกคีย์เวิร์ดนั้นอาจต้องดูเรื่องจำนวนการค้นหาด้วย แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการ เช่น หากคำไหนมีการค้นหาสูง แต่ไม่สอดคล้องกับธุรกิจ ก็ไม่มีประโยชน์ในการทำ SEO

โดยคีย์เวิร์ดที่บริษัทรับทำ SEO ใช้จะมี 2 ประเภทคือ

1. Long-tail Keyword : คือคีย์เวิร์ดที่มีความยาวประมาณหนึ่ง และมีความเจาะจงมากกว่า เช่น วิธีติดฟิล์มโทรศัพท์เอง
2. Short-tail Keyword : คือคีย์เวิร์ดที่สั้นๆ เป็นคำกว้าง เช่น ฟิล์มโทรศัพท์

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดแต่ละประเภทต้องดูถึงความเหมาะสมของธุรกิจและเป้าหมายในการทำ SEO

4. ดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่

บริษัทรับทำ SEO ที่ดีต่างรู้ดีว่าสถานที่หรือ Location ของธุรกิจมีความสำคัญกับการทำ SEO โดยต้องตรวจสอบว่าบริษัทมีข้อมูลของชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏในโลกออนไลน์อย่างถูกต้อง รวมทั้งใส่ข้อมูลในคอนเทนต์ให้ชัดเจนว่าคุณให้บริการที่ไหน เมืองหรือประเทศอะไรอย่างชัดเจนสำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าคุณ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดยังให้คุณสามารถค้นหาได้ด้วยว่าที่ไหน คนค้นหาคำว่าอะไรบ้าง เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้กับตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจได้ง่ายขึ้น

5. ใช้กลยุทธ์ด้านเนื้อหา

เนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์ควรประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดหลักและหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และเชื่อมโยงไปยังสินค้าหรือบริการของบริษัทนั้นๆ ได้ นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้ Long-tail Keyword ที่มีความยาวแต่สามารถจำกัดขอบเขตของเนื้อหาและเพิ่มโอกาสในการอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหาได้ง่ายขึ้น

นอกจากคอนเทนต์ทั่วๆ ไปแล้ว อาจต้องสร้างคอนเทนต์ประเภทคำถาม-คำตอบ สำหรับคำถามที่ถามบ่อย หรือ FAQ เพื่อให้คนที่ค้นหาด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสามารถค้นหาธุรกิจของลูกค้าคุณได้ดีขึ้น ซึ่งการใส่ Schema บนเว็บไซต์ก็จะช่วยให้เนื้อหาต่างๆ เป็นระเบียบมากขึ้น ส่งผลให้ Google เก็บข้อมูลไปใช้งานได้ดีขึ้น

Call-to-Action (CTA) เป็นอีกส่วนที่สำคัญของการทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ เพราะแน่นอนว่าสุดท้ายแล้วธุรกิจจะสร้างยอดขายไม่ได้หากไม่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาสอบถาม การทำ CTA จึงเป็นอีกอย่างที่ผู้ให้บริการ SEO อย่าง Pacy Media ให้ความสำคัญในการวิเคราะห์และจัดวาง CTA ให้เหมาะสม เพื่อให้มี Organic Traffic เข้ามาและยังสามารถเพิ่ม Engagement ให้กับเว็บไซต์ได้ดีขึ้น

6. การเขียนและแก้ไขคอนเทนต์ 

ในบางกรณีลูกค้าอาจจะเขียนคอนเทนต์ด้วยตัวเองหรืออาจให้บริษัทรับทำ SEO เขียนให้ก็ได้ โดยหากลูกค้าเขียนคอนเทนต์เองเนื้อหาก็ยังต้องถูกปรับแต่งและแก้ไขด้วยเทคนิค SEO ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่ม Organic Traffic มายังเว็บไซต์ ซึ่งนอกจากเทคนิคทาง SEO ที่ต้องคำนึงเวลาเขียนบทความหรือคอนเทนต์แล้ว ก็ยังต้องคำนึงถึงเนื้อหาที่มีความถูกต้องและตอบโจทย์สำหรับผู้อ่านด้วยเช่นกัน เพราะตรงนี้ Google จะให้ความสำคัญมาก

การทำ SEO นั้นมีหลากหลายวิธี และหลายแนวคิด ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทรับทำ SEO จะให้ความสำคัญ แต่หากบริษัทไหนที่ให้ความสำคัญกับ 6 ด้านนี้ ก็ถือว่าเป็นผู้ให้บริการทำ SEO ที่ถือว่ามีความเชี่ยวชาญอยู่เหมือนกัน

ทั้งนี้ จากที่เราทราบกันแล้ว การทำ SEO จะต้องใช้เวลามากน้อยต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ และไม่สามารถการันตีได้ 100% เพราะจะมีหลายปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งบริษัทรับทำ SEO ที่ไม่การันตีอันดับเป๊ะๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่เชี่ยวชาญ เพราะหากลองดูบริษัทรับทำ SEO ในต่างประเทศเกือบทั้งหมดจะไม่มีใครสามารถการันตีอันดับได้ ดังนั้น การทำ SEO อย่างถูกต้องด้วย 6 ขั้นตอนที่พูดถึงในบทความนี้ การตั้ง KPI ให้ถูกจุด และการวัดผล Traffic จึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการการันตีอันดับ