ไม่อยากผ่อนบ้านพร้อมดอกเบี้ยแพงๆ ก็ต้องรีไฟแนนซ์บ้านเลย!

ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่มีค่าครองชีพสูงขึ้นเท่านั้น ยังรวมไปถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จนทำให้เจ้าของกิจการหลายๆ แห่งต้องขาดรายได้หรือมีกำไรลดน้อยลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากมีสภาพการเงินที่ไม่คล่องตัวเท่าไหร่นัก

ถ้าหากว่าใครที่ยังมีภาระหนี้สินหรือยังผ่อนบ้านไม่หมด ก็ยิ่งกลัดกลุ้มไปกันใหญ่ แต่ปัญหานี้มีทางออกแน่นอน เพียงแค่คุณรีไฟแนนซ์บ้าน ก็จะทำให้ภาระหนี้สินที่คุณต้องผ่อนชำระต่อเดือนลดน้อยลง และมีสภาพการเงินที่คล่องตัวมากขึ้น รวมถึงช่วยให้คุณสามารถปลดภาระได้เร็วยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้เราจึงได้นำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน 2566 มาถ่ายทอดเพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน, เอกสารที่จำเป็น, ค่าใช้จ่ายต่างๆ และขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการที่สามารถช่วยให้การรีไฟแนนซ์บ้านของคุณสะดวก แถมยังง่ายดายสุดๆ

มารู้จักกับรีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน คือการปลดภาระหนี้สินบ้านจากสถาบันการเงินในปัจจุบัน ด้วยเงินที่ทำการกู้สินเชื่อบ้านมาจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อที่จะลดค่าดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระต่องวดให้น้อยลง หรือเพื่อให้การเงินของคุณมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในกรณีที่คุณเลือกชำระหนี้ต่องวดด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม การรีไฟแนนซ์บ้านยังจะช่วยให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดเร็วยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

รีไฟแนนซ์บ้าน สมัครได้เมื่อไร

หลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด เพื่อให้รู้ว่าคุณสามารถสมัครรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อไหร่

โดยสิ่งแรกที่จำเป็นต้องตรวจสอบก็คือเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์ของสถาบันการเงินในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีเงื่อนไขกำหนดไว้ว่า ต้องได้ทำการผ่อนชำระหนี้กับทางสถาบันการเงินมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และอีกสิ่งที่ต้องตรวจสอบก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยื่นสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งคุณสามารถยื่นสมัครรีไฟแนนซ์บ้านล่วงหน้าได้ 30-45 วัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยบ้านจะมีการปรับเปลี่ยนในทุกไตรมาสนั่นเอง

อยากสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามอาชีพของผู้สมัคร โดยจะแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักๆ ด้วยกัน ดังนี้

ผู้ที่เป็นพนักงานเงินเดือนหรือข้าราชการ

  • มีสัญชาติไทย
  • มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
  • มีอายุการทำงาน 6 เดือนขึ้นไป (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร)
  • มีเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท

ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ

  • มีสัญชาติไทย
  • มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
  • มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 15,000 บาท
  • มีการผ่อนชำระหนี้กับสถาบันการเงินเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการ

  • มีสัญชาติไทย
  • มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
  • มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 50,000 บาท
  • มีการดำเนินกิจการในประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

วิธีการเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน

ก่อนที่จะเลือกสถาบันการเงินแห่งใหม่ในการรีไฟแนนซ์บ้าน จำเป็นต้องพิจารณาเงื่อนไขและสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วน เพื่อที่คุณจะได้รับความคุ้มค่าจากการรีไฟแนนซ์บ้านมากที่สุด โดยการเลือกรีไฟแนนซ์บ้านมีสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาดังนี้

– อัตราดอกเบี้ย : ควรเลือกสถาบันการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยในการรีไฟแนนซ์ต่ำกว่าสถาบันการเงินเดิม เพื่อให้ยอดชำระหนี้ในแต่ละงวดลดน้อยลง หรือเพื่อให้สามารถชำระในส่วนของเงินต้นได้มากขึ้น

– วงเงินกู้ : พิจารณาถึงวงเงินกู้สินเชื่อบ้านที่ทางสถาบันการเงินแห่งใหม่สามารถอนุมัติได้สูงสุด

– ระยะผ่อนชำระ : การรู้ระยะเวลาผ่อนชำระที่สถาบันการเงินแห่งใหม่กำหนดไว้ จะช่วยให้คุณสามารถบริหารเงิน และการชำระหนี้ได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลามากพอที่จะพิจารณาเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์บ้านหลายๆ สถาบันการเงินเพื่อหาการรีไฟแนนซ์บ้านที่ตรงกับความต้องการและน่าพอใจมากที่สุด เราแนะนำให้เลือกใช้บริการ Refinn เพราะที่นี่จะช่วยเลือกรีไฟแนนซ์บ้านที่เหมาะกับคุณได้อย่างแน่นอน

เอกสารที่ใช้สำหรับรีไฟแนนซ์บ้าน

เพื่อให้การยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับทางสถาบันการเงินแห่งใหม่สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น จึงควรเตรียมเอกสารสำคัญที่จำเป็นต่อการรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วน โดยเอกสารที่จำเป็นจะมีอยู่ 3 หมวดด้วยกัน คือ เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล, เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารหลักประกัน ซึ่งได้แก่

เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล

  • บัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • ทะเบียนสมรส (ถ้ามี)

เอกสารแสดงรายได้

  • สลิปเงินเดือน
  • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง

เอกสารหลักประกัน

  • โฉนดที่ดิน
  • สัญญาเงินกู้ของสถาบันการเงินเดิม

จะรีไฟแนนซ์บ้าน เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

นอกจากเอกสารสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว อีกสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันเลยก็คือเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อทำการรีไฟแนนซ์บ้านนั่นเอง โดยค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถแบ่งออกเป็น 4 อย่างดังนี้

ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนจำนอง

ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนจำนองในการรีไฟแนนซ์บ้านจะคิดเป็น 1% ของวงเงินกู้ ซึ่งค่าธรรมเนียมจดทะเบียนจำนองนี้จะต้องชำระให้กับกรมที่ดิน

ค่าประกันอัคคีภัย

ประกันอัคคีภัยนับเป็นประกันภาคบังคับสำหรับผู้ที่ทำการกู้ซื้อบ้าน หรือกู้สินเชื่อบ้าน ซึ่งค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของหลักประกัน โดยค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-3,000 บาท

ค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน

ในส่วนของค่าสำรวจ และประเมินราคาหลักประกันมักจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของหลักประกัน

ค่าธรรมเนียมอื่นๆ

สำหรับค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นก็คือค่าอากรแสตมป์สัญญาเงินกู้นั่นเอง โดยค่าอากรแสตมป์สัญญาเงินกู้จะคิดเป็น 0.05% ของวงเงินกู้

ขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน

1. ตรวจสอบสัญญากู้ฉบับเดิม

ขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ การตรวจสอบเงื่อนไขและสัญญากู้ของสถาบันการเงินเดิมอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้การขอรีไฟแนนซ์บ้านของคุณไม่เสียเที่ยว เนื่องจากเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์บ้านมักจะกำหนดไว้ว่าต้องมีการผ่อนชำระหนี้มาแล้ว 2 หรือ 3 ปีเป็นอย่างน้อย

2. เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน

ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นในการรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วนและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเอกสารข้อมูลส่วนบุคคล เอกสารหลักประกัน รวมถึงเอกสารแสดงรายได้

3. ยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

หลังจากที่เตรียมเอกสารจำเป็นต่างๆ จนครบถ้วนแล้ว ก็สามารถนำเอกสารเข้าไปยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับทางสถาบันการเงินแห่งใหม่ได้เลย

4. ทำสัญญาสินเชื่อใหม่พร้อมจดจำนอง

เมื่อสถาบันการเงินแห่งใหม่ได้รับเรื่องขอรีไฟแนนซ์บ้าน และทำการประเมินราคาหลักประกัน ไปจนถึงผ่านการอนุมัติแล้ว ทางสถาบันการเงินก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังกรมที่ดิน เพื่อให้คุณเซ็นสัญญาสินเชื่อใหม่และทำการจดจำนอง

รีไฟแนนซ์บ้านสถาบันการเงินเดิมได้ไหม

ส่วนใหญ่แล้วการรีไฟแนนซ์บ้าน จะเป็นการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่แท้จริงแล้วการรีไฟแนนซ์บ้านก็สามารถทำกับสถาบันการเงินเดิมได้เช่นกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินเดิมนั้นจะเป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยนั่นเอง

ให้ Refinn ช่วยเลือกโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้าน

หากใครที่กำลังกังวลกับการรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่รู้ว่าควรเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินไหน หรือจะต้องสมัครอย่างไร บริการรีไฟแนนซ์บ้านของ Refinn ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย เนื่องจากที่นี่สามารถช่วยให้การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย และง่ายดายมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากบริการรีไฟแนนซ์บ้านของ Refinn ไม่เพียงแค่มีข้อมูลต่างๆ และโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้านของสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งเท่านั้น แต่ยังมีบริการเปรียบเทียบโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้านที่จะช่วยให้คุณสามารถพิจารณา และตัดสินใจเลือกสถาบันการเงินที่ต้องการได้ง่ายกว่าเดิม

นอกจากนี้ คุณสามารถรีไฟแนนซ์บ้านผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ จึงสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทาง หรือไม่มีเวลามากพอเพื่อไปทำเรื่องที่สถาบันการเงิน รวมถึงไม่ต้องคอยกังวลเมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน เนื่องจากคุณสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากทีมงาน Refinn ได้ตลอด และที่สำคัญ บริการรีไฟแนนซ์บ้านของ Refinn เขายังสามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้บริการใดๆ อีกด้วย

สรุปเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นสิ่งที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินในแต่ละเดือนของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ การรีไฟแนนซ์บ้านยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของคุณให้ลื่นไหลไม่ติดขัดอีกด้วย หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการผ่อนบ้านให้หมดเร็วยิ่งขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้านก็ตอบโจทย์ได้เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์บ้านก็จำเป็นต้องเลือกสถาบันการเงินอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากโปรโมชันและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีความคุ้มค่าหรือเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

แต่ถ้าหากต้องการให้การรีไฟแนนซ์บ้านของคุณครั้งนี้ได้ทั้งความคุ้มค่าและสะดวกสบาย การใช้บริการรีไฟแนนซ์บ้านผ่านทาง Refinn ก็อาจตอบโจทย์ให้แก่คุณได้ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณจะได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างครบครันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกโปรโมชัน ไปจนถึงการติดตามผลอนุมัติเลยทีเดียว