เซ็น กรุ๊ป เปิดเกมรุก-ดุดัน ลับคม 5 ธุรกิจในเครือ ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหารชั้นนำ ตั้งเป้าปี 66 แตะ 4.5 พันล้านบาท

เซ็น กรุ๊ป เปิดเกมรุก-ดุดัน ลับคม 5 ธุรกิจในเครือวางกลยุทธ์เด็ด ตอบโจทย์และครอบคลุมผู้บริโภค ทั้งไทย-ตปท. ในทุกช่องทาง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหารชั้นนำ ตั้งเป้าปี 66 แตะ 4.5 พันล้านบาท

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยความสำเร็จปี 65 ผ่านการดำเนินงานใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจแฟรนไชส์, ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจอาหารค้าปลีก และส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่ ชี้ภาพรวมธุรกิจเติบโตกว่า 51% ชูรายได้รวม 3,413 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท

พร้อมเปิดเกมรุกแบบดุดัน ลับคมทั้ง 5 ธุรกิจ กับการวางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง รวมถึงแผนขยายสาขาของร้านอาหารในเครือและแฟรนไชส์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในธุรกิจอาหารค้าปลีก เพื่อผลักดันเป้าปี 66 ให้แตะ 4.5 พันล้านบาท

คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า “สำหรับปี 65 ที่ผ่านมา ธุรกิจในเครือเซ็นกรุ๊ปสามารถเติบโตได้ตามเป้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทย ทำรายได้ไปถึง 3,413 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท และจากการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 66 มูลค่ารวมของธุรกิจร้านอาหารจะอยู่ที่ 4.18-4.25 แสนล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 2.7-4.5% จากปีก่อน

โดยเฉพาะร้านอาหาร Full Service ที่เป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และร้านนอกห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง จะเห็นการเติบโตแบบชัดเจนขึ้น ซึ่งการคาดการณ์ในส่วนนี้ผนวกกับทิศทางองค์กรและการวางแผนกลยุทธ์ที่ดีจะส่งผลให้ปี 66 นี้ เติบโตขึ้นไปถึงเป้าที่ตั้งไว้อีกได้อย่างแน่นอน”

5 เสาหลักธุรกิจกับทิศทางองค์กรในปี 2566 

ธุรกิจร้านอาหาร

ถือได้ว่าเป็นธุรกิจหลักของเซ็นกรุ๊ป สัดส่วนกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ รวมแล้วกว่า 345 สาขา ซึ่งปี 65 ที่ผ่านมาขยายไปแล้วกว่า 45 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ

โดยในปีนี้ธุรกิจนี้จึงถูกโฟกัสเป็นพิเศษเช่นเดิม เพื่อเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน การปรับโมเดลธุรกิจให้กระชับ ทันสมัย พร้อมทั้งการขยายเพิ่มอีกกว่า 90 สาขาภายในปี 66 ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ และเน้นการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน สร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี

คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

คุณปรีด์ สุวิมลธีระบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารของเซ็น กรุ๊ป ในส่วนของกลยุทธ์การขยายสาขาปี 2565 บริษัทได้ใช้ Growth Strategy โดยการเปิดสาขาบนพื้นที่ใหม่ๆ มุ่งเน้นการขยายไปที่น่านน้ำใหม่ เช่น ในพื้นที่ต่างจังหวัด เมืองหลักและเมืองรองที่บริษัทไม่เคยไป ทำให้สามารถขยายสาขาในต่างจังหวัดไปได้มากเกินกว่าครึ่งของจำนวนสาขาที่เปิดทั้งหมดในปีก่อนหน้า ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างและครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ

สำหรับอีกส่วนหนึ่งคือ กลยุทธ์การบริหารจัดการร้านอาหาร บริษัทได้ขยายการนำวัตถุดิบคุณภาพที่มีมาตรฐานของบางแบรนด์ไปต่อยอดกับทุกๆ แบรนด์ในเครือ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการจัดซื้อ การวางแผนและการบริหารจัดการสาขาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในส่วนสุดท้ายคือ กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทก็ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการทำงานของสาขา ไม่ว่าจะเป็น Robot, QR Ordering/Payment, Cashless และ CRM เข้ามาใช้ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากรของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับกลยุทธ์ในทุกส่วนงาน ทำสถิติยอดขายและกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทได้อย่างเป็นผลสำเร็จ

ในส่วนของการก้าวเข้าสู่ปี 66 นี้ บริษัทก็ได้มีการวางแผนขยายสาขาร้านอาหารไปในทิศทางเดียวกันกับปีก่อน พร้อมกับการต่อยอดการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบภายในร้าน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Robot, QR Ordering/Payment, Cashless ให้รองรับการใช้งานกับทุกร้านและทุกสาขาในเครือทั้งหมดด้วย”

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ปีนี้ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายธุรกิจทั้งแบรนด์ญี่ปุ่น แบรนด์ไทย และแฟรนไชส์ ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Insightful Marketing ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งสะท้อนออกมาใน 3 แง่มุม ดังนี้

1. Insightful Product ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ : เราดึงข้อมูลเชิงลึกทั้งข้อมูลการขายและการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค จนเราพัฒนามาเป็น Product และบริการใหม่ๆ เช่น เซ็น เรสเตอร์รอง มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนทำงานที่มีความต้องการหลากหลาย

ด้วยการออกเมนู Lunch Set คุณภาพดีแบบตอบโจทย์ ทั้งในแง่มุมของ Menu Mix ที่อร่อยได้ 2 เมนูใน 1 เซต ปริมาณที่เลือกอิ่มได้พอดี และราคาที่เข้าถึงได้

หรือในส่วนของแบรนด์ไทย อาทิ เขียง ที่ออกเมนู “กะเพราสองรัก” เพราะเราเข้าใจผู้บริโภคว่า ใน 1 มื้อเขาอยากทานหลายเมนูในงบจำกัด จึงออกเป็นกะเพรา + ไก่กระเทียม ที่ใครๆ ก็ถูกใจ

2. Insightful Promotion ที่เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าใหม่ : เราทำการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในทุกแง่มุม ทั้งโอกาสในการเข้ามารับประทาน และช่วงเวลาของการรับประทาน จนเรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะต่อยอดแต่ละแบรนด์ได้ อาทิ อากะ ยากินิกุ แน่นอนว่าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนรักบุฟเฟต์ แต่เราอยากเริ่มขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ตั้งแต่วัยเรียน

จึงออกแคมเปญ “ป่ะ ทาน นักเรียน” เพราะอยากเติมเต็มพลังที่ใช้ไปในงบที่เข้าถึงได้ เราจึงมอบส่วนลดสำหรับนักเรียนหลังเลิกเรียนให้ได้อิ่มจุกอย่างเต็มที่ ทั้งยังสื่อสารออกมาในรูปแบบที่สนุกสนานโดนใจ และใช้สื่อที่เข้าถึงโดยเฉพาะ หรือ แบรนด์ตำมั่ว

เราออกโปรโมชัน “เบิ้ลเครื่อง” เพราะมาจากข้อมูลที่เราคอยสังเกตลูกค้าว่าลูกค้ามักจะขอเพิ่มส่วนผสมพิเศษอื่นๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ จึงเป็นที่มาของการเพิ่มเครื่องให้แน่นขึ้นในเมนูยอดฮิตทั้งหลาย หรือแม้แต่การสั่งเครื่องแยกแบบ DIY เพื่อให้ลูกค้าเติมเต็มความฟินด้วยตัวเอง

3. Insightful Communications สื่อสารถูกใจในรูปแบบใหม่ : เราเชื่อว่าการสร้าง Awareness แบบทั่วไป
ไม่เพียงพอ ทุกวันนี้เราต้องแข่งกับ Content ที่หลากหลายในมือของผู้บริโภค ลองหาวิธีที่จะทำอย่างไร ให้พวกเขาหันมามองแบรนด์ของเรา

“Call Attention with Engagement” จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสื่อสาร แต่ต้องเป็นการเรียกให้ผู้บริโภคหันมามองแบบเข้าอกเข้าใจตัวเขา ประเดิมต้นปีด้วยแบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง ที่ออกแคมเปญ “Dear Boss” ที่ชวนบอสทั่วไทยเปิดโอกาสให้น้องๆ หนุ่มสาวออฟฟิศ ลุกจากหน้าคอมพ์ ออกไปทานมื้อเที่ยงแบบมีคุณภาพที่ เซ็น เรสเตอร์รอง เพื่อสร้าง Work Lunch Balance ให้ชีวิตชาวออฟฟิศ สร้างเสียงฮือฮาผ่านข้าวหน้าบอสชั้นนำในไทย จนสื่อไทยและสื่อนอกไปขยายผลต่อ

ส่วน ออน เดอะ เทเบิ้ล ก็วางแผนขยายผลต่อหลังจากเปิดตัวโต๊ะจัง ตัวแทนสาวรุ่นใหม่ที่ช่วยพาแบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล ติดลมบน ปีนี้ยังเตรียมคอลแลบและครีเอตกิจกรรมสนุกๆ แบบเข้าถึง เข้าใจสาวๆ อีกมากมาย

ทั้ง 3 แง่มุมนี้จะถูกใช้โดยมุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารและสร้างการรับรู้ ให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์แบบตรงใจ รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้มีชีวิต มีคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น แต่ยังคงชูความแข็งแรงในเรื่องการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ให้เป็น Top of Mind ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป”

คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจแฟรนไชส์

ขณะที่ธุรกิจแฟรนไชส์ก็ยังคงเป็นที่สนใจของตลาดอยู่ไม่น้อย ส่งผลให้การขยายสาขาแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางเซ็น กรุ๊ป ก็ได้เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าใหม่และมองหาตลาดใหม่ ผลักดันแบรนด์ ตำมั่ว และเขียง บุกหนักสร้างความแข็งแกร่งกับตลาดหลักในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ ไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว

และสร้างโอกาสในการเติบโตกับตลาดใหม่ให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้ เป็นต้น คาดว่าในปี 66 นี้ จะสามารถต่อยอดให้ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกส่วนคือการมุ่งเน้นเรื่องการขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันให้เกิดขึ้นในทุกสาขาด้วย”

ธุรกิจอาหารค้าปลีก

“หลังจากปีที่แล้วที่ทางเซ็นกรุ๊ป ได้ดึง “คิง มารีน ฟู้ดส์” และ “เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์” เสริมทัพพอร์ตธุรกิจอาหารในเครือ สามารถช่วยสร้างรายได้ของบริษัทฯ ไปไม่น้อยในปีที่ผ่านมา ปีนี้ได้มีการวางแผนที่จะเร่งสร้างยอดขายธุรกิจอาหารค้าปลีกให้ได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและคลังสินค้าให้รองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้น

จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากเข้าลงทุนใน 2 บริษัทข้างต้น ส่งผลให้ธุรกิจอาหารค้าปลีกเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ช่วยสร้างยอดขายและลดต้นทุนวัตถุดิบให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ทางเซ็น กรุ๊ป เองก็ยังคงมองหาโอกาส การลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีความน่าสนใจและให้อัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่า เข้ามาเสริมทัพพอร์ตธุรกิจอาหารในเครือให้มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป” คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ กล่าวเสริม

ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ

ในส่วนนี้จะได้ถูกปรับปรุงระบบสนับสนุนการขายให้ราบรื่นคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ปักหมุดขยายธุรกิจจาก B2C เป็น B2B โดยเน้นการขาย Voucher แก่องค์กร พร้อมกับการสร้างการรับรู้ระบบและเพิ่มยอดสมาชิก ผ่านแอปพลิเคชัน ZEN GROUP ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และ 1376 Delivery บริการจัดส่งอาหาร โดยเน้นรูปแบบ Big Order ชูความแตกต่าง เน้นคุณภาพการบริการและศักยภาพในการจัดส่งอาหารในจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“คาดว่าปี 66 สัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจในเครือ เซ็น กรุ๊ป จะแบ่งเป็นรายได้จาก ธุรกิจร้านอาหาร 74% ธุรกิจแฟรนไชส์ 7% ธุรกิจอาหารค้าปลีก 13% ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ 6% เชื่อมั่นว่าการเปิดเกมรุกการทำการตลาดรอบด้านในปีนี้ จะส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง แตะเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน” คุณบุญยง กล่าวทิ้งท้าย