ดีพร้อม ดันโอกาสสร้างรายได้ พลิกธุรกิจเอสเอ็มอี สู่ตลาดสากล

ดีพร้อม ดันโอกาสสร้างรายได้ พลิกธุรกิจเอสเอ็มอี สู่ตลาดสากล ด้วย 4 กูรูธุรกิจท็อปพรีเมียม

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าพลิกโฉมโมเดล ธุรกิจเอสเอ็มอี สู่การเป็นผลิตภัณฑ์ไทยชั้นเลิศ ชูกลยุทธ์ “Partnership Coaching” ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงโดยภาคเอกชน นำร่อง 6 แหล่งผลิตภัณฑ์ พัฒนาเพิ่มมูลค่าอัตลักษณ์ชุมชนที่โดดเด่น สู่การแข่งขันเต็มศักยภาพและเติบโตในระดับสากล 

วันที่ 2 มีนาคม 2566 นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยว่า อัตราการเติบโตของผู้ประกอบการวิสาหกิจในชุมชนของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม

นำโดย ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดนโยบาย “MIND” ใช้หัวใจและใจ ปฏิรูปกระทรวงปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) วิสาหกิจชุมชน 

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินโครงการ “ทดสอบตลาด (Market Test) ผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน DIPROM ไทยเลิศ 12 อัศจรรย์แหล่งผลิต ผลิตภัณฑ์ไทยเลิศ” ภายใต้นโยบายดีพร้อมโต โตได้ โตไกล โตยั่งยืน เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการ 12 ชุมชน เข้าร่วมโครงการทดสอบตลาดสู่มิติช่องทางการขายในตลาดทุกรูปแบบ ผ่านการขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Partnership Coaching” 

โดยมี 4 กูรูธุรกิจร่วมให้คำแนะนำ ได้แก่ ทายาทผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมตราแม่ครัว คุณสุพิชชา กาญจนวิสิษฐผล, แบรนด์น้ำจิ้มสุกี้ซันซอส คุณกรธิดา ธนะกมลาประดิษฐ์, เจ้าของคาเฟ่ ‘Bite Me Softly’ คุณต่อจันทร์ แคทริน บุณยสิง (เชฟเช้า), และเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีตแฟชั่น ‘Auntys Haus’ คุณสุปรีดา โสตะวงศ์ (นิค) ซึ่งเฟสแรกของการดำเนินการ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียม จาก 6 ชุมชนนำร่อง ประกอบด้วย

ชุมชนศรีพราน จ.อ่างทอง ผลิตภัณฑ์อินโตรฟาร์ม แปรรูปผลิตภัณฑ์จากเมล่อนสด ให้สามารถกลายเป็นของฝากติดไม้ติดมือนักท่องเที่ยว อาทิ แยมเมล่อน ไอศกรีมเจลลาโต้เมล่อน น้ำสลัดเมล่อน ช็อกโกแลตเมล่อน และขนมเปี๊ยะไส้เมล่อน  

ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย จ.สุโขทัย ชุบชีวิต “ขนมกระดังงา” ขนมโบราณของดี อ.สวรรคโลก ให้กลายเป็นขนมรูปแบบใหม่ ยืดอายุผลิตภัณฑ์โดยไม่ใส่วัตถุกันเสีย และต่อยอดนำเครื่องสังคโลกมาปรับโฉมใหม่ให้กลายเป็น “ชุดดริปกาแฟสังคโลก” งานคราฟต์สมัยใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการชงกาแฟ

ชุมชนบ้านแหลม จ.สุพรรณบุรี พัฒนาเครื่องสานจากผักตบชวามาเป็น ของตกแต่งบ้านเฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ธูปหอมสู่ “กำยานสายมู” ที่สามารถตกแต่งบ้าน และ “ชาใบเตยหอม” ที่ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

ชุมชนบ้านตม จ.ชลบุรี พัฒนาเครื่องหอมอโรมา ถุงหอม เทียนหอม เพื่อนำไปใช้ในธุรกิจสปา ผลิตภัณฑ์จากดอกไม้ทานได้ อาทิ น้ำสลัดดอกไม้ ชาดอกเฟื่องฟ้า “น้ำฟ้าอำไพ เรดดี้” และ “สาโทฟ้าอำไพ” ที่แรกและที่เดียว ที่นำดอกเฟื่องฟ้ามาหมักรวมกับผลไม้รสเปรี้ยวของไทย

ชุมชนบ้านเดื่อ จ.หนองคาย พัฒนาไอเดียนำมะเดื่อมาแปรรูปเป็น “คราฟต์เบียร์มะเดื่อ” เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังคิดค้นสูตร “ซอสหวานมะเดื่อ” และ “ฟรุตเค้กมะเดื่อ” เพื่อเป็นของฝากได้อีกด้วย

ชุมชนบ้านวอแก้ว จ.ลำปาง เป็นกลุ่มคนที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมจำนวนมาก จะได้ไอเดียในการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนมให้เป็นผลิตภัณฑ์ของฝาก อาทิ พุดดิ้งนมสดคาราเมล ครีมชีส และกรีกโยเกิร์ต

กิจกรรมดังกล่าว มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายกระจายรายได้ พัฒนา เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานระดับสากล โดยผู้ประกอบการจะได้รับการติดอาวุธทางธุรกิจทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ตัวผลิตภัณฑ์มีผลประกอบการในระดับดี ผลิตภัณฑ์อยู่ในความต้องการของตลาด และผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สอดรับบริบทของเศรษฐกิจ ที่สามารถก้าวทันสังคมโลกสมัยใหม่ อยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน เพื่อออกไปแข่งขันในตลาดโลกหรือออกไปค้าขายในต่างประเทศ เมื่อพัฒนาไปถึงระดับนั้นแล้วจะมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน ซึ่งคาดการณ์ว่าผู้ประกอบการจะมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30” นายใบน้อย อธิบดี กสอ. กล่าว