เผยแพร่ |
---|
ความสำเร็จการสนับสนุนเอสเอ็มอี ผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้ ปี 65” ของเซเว่นฯ
ยอดสินค้าทะลุ 8,000 รายการ ตั้งเป้าปี 66 เดินหน้ายกระดับเอสเอ็มอี เพิ่ม 10%
ซีพี ออลล์ ประกาศความสำเร็จปี 2565 ผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” เดินหน้าเสริมแกร่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ส่งโครงการ “SME เสน่ห์ภาค” ขยายช่องทางการขายผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย-ท้องถิ่น กระจายสินค้าสู่ 6,000 สาขาทั่วประเทศ รวมสินค้าเอสเอ็มอีมากกว่า 8,000 รายการ พร้อมพัฒนาองค์ความรู้ให้เอสเอ็มอีอีกกว่า 1,000 ราย ประกาศปี 2566 พร้อมเดินหน้าขยายโอกาส สร้างรายได้และยกระดับเอสเอ็มอีในทุกมิติ ตั้งเป้าปั้นเอสเอ็มอีเปี่ยมศักยภาพเพิ่ม 10% หวังช่วยสร้างระบบนิเวศในการพัฒนาเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้ปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างระบบนิเวศในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ผ่านกลยุทธ์หลักที่สำคัญคือ “กลยุทธ์ 3 ให้” ได้แก่ 1. ให้ช่องทางขาย เพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำเสนอสินค้าเพื่อจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และผ่านช่องทางออนไลน์ 2. ให้ความรู้ จัดอบรมสัมมนา แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง และ 3. ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนจัดโครงการและกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

“ภายใต้กลยุทธ์ 3 ให้ การให้ช่องทางขาย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเซเว่น อีเลฟเว่น เนื่องจากมีสาขาทั่วประเทศ ปี 2564 ได้จัดทำ SME Shelf จัดวางสินค้าเอสเอ็มอีให้เด่นชัดใน 2,300 สาขา ปีนี้ ขยายความสำเร็จต่อเนื่องผ่านโครงการ SME เสน่ห์ภาค ช่วยผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีศักยภาพให้เข้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จนปัจจุบันมีสินค้าเอสเอ็มอีวางจำหน่ายที่ร้านมากกว่า 6,000 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ยังมีสินค้าเอสเอ็มอีวางจำหน่ายบนช่องทาง All Online ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า ทั้งกลุ่มอาหารและกลุ่มของใช้ รวมจำนวนสินค้าเอสเอ็มอีที่วางจำหน่ายทั้งบนช่องทางออฟไลน์และออนไลน์มากกว่า 8,000 รายการ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นอกจากการให้ช่องทางขาย ผ่านโครงการ SME เสน่ห์ภาค แล้ว ในปี 2565 ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ดำเนินงานภายใต้ “กลยุทธ์ 3 ให้” เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและพันธมิตรเป็นอย่างดี อาทิ กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำเสนอสินค้าได้โดยตรง พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ 7 สนับสนุน SME ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการและเกษตรกรในทุกด้าน,

กิจกรรมสัมมนา “SME 3 ก แกร่ง เก่ง กล้า” กิจกรรมให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอี โดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา และกิจกรรมร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม DIPROM MOVE TO MODERN TRADE ที่จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด เป็นต้น จากการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทสามารถพัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 10% รวมจำนวนกว่า 1,000 ราย

สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2566 ซีพี ออลล์ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” พร้อมตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้แข็งแกร่งเพิ่มอีก 10% จากปี 2565 โดยเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวให้บรรลุเป้าหมายยังคงเป็น ศูนย์ 7 สนับสนุน SME ที่ดำเนินการให้คำปรึกษา สนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดกิจกรรมและโครงการร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น โดยจะขยายกรอบความร่วมมือไปยังต่างจังหวัด เพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรได้เข้าถึงกิจกรรมดีๆ ง่ายขึ้น