ประตูสู่ความสำเร็จ ‘จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล’ อาหารแปรรูปฮาลาลมาตรฐานสากล ยกระดับสินค้าสู่ความพรีเมียม

ประตูสู่ความสำเร็จ ‘จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล’ อาหารแปรรูปฮาลาลมาตรฐานสากล ยกระดับสินค้าสู่ความพรีเมียม

บริษัท จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตอาหารแปรรูปประเภทไส้กรอก ไก่แผ่นรมควัน ไก่แดดเดียว ไก่ยอ ลูกชิ้น ที่ได้มาตรฐานสากลและฮาลาล ใช้ R&D ในการยกระดับสินค้าให้มีรสชาติที่โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมต่อยอดสู่ความพรีเมียม

คุณมลวิภา โสมานันท์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เล่าถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จว่า ในช่วงเริ่มต้นการทำธุรกิจ ตนและเพื่อนได้ร่วมทุนกันทำธุรกิจโรงงานชำแหละเนื้อไก่ ต่อมาจึงได้ขายกิจการและไปเมื่อปี 2535 หลังจากนั้นจึงได้ไปร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มทุนใหญ่ในการทำธุรกิจโรงงานชำแหละเนื้อไก่เพื่อส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศ

ต่อมาด้วยบริษัทมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรจากผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมกับขายหุ้นให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งในขณะนั้นตนเล็งเห็นว่าบริษัทที่ตนเป็นผู้ถือหุ้นและร่วมทุนอยู่มีกิจการโรงงานผลิตใส้กรอก แต่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท ตนจึงเจรจาขอซื้อกิจการโรงงานใส้กรอกจากบริษัทดังกล่าว พร้อมขายหุ้นในสัดส่วนที่ตนถืออยู่คืนให้กับบริษัท แล้วแยกออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ในปี 2542 ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด’

จากนั้นในปี 2543 จึงได้มีการขยายโรงงานใหม่ที่ ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อไก่ ที่มีเทคโนโลยีการผลิตได้มาตราฐานสากลและฮาลาล โดยมีสินค้าหลักได้แก่ ไส้กรอกไก่ ลูกชิ้นไก่ ไก่ยอ ไก่แผ่นรมควัน (แฮมไก่) ไก่แดดเดียว และสินค้าประเภทแช่แข็ง อาทิ ปอเปี๊ยะแช่แข็ง และไก่จ๊อแช่แข็ง เป็นต้น จนมีการเติบโตมายาวนานต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

เพราะตลาดฮาลาลมีโอกาสเติบโตและขยายได้ง่ายกว่า

สำหรับแนวคิดในการเจาะตลาดอาหารฮาลาล (Halal Food) หรือตลาดอาหารสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม ตนมองว่าหากสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานสากลและมีเครื่องหมายฮาลาลรองรับจะสามารถขยายกลุ่มผู้บริโภคได้ครอบคลุมกว่า เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้สามารถบริโภคได้ทุกศาสนา อีกทั้งการใช้วัตถุดิบที่เป็นเนื้อไก่ถึงแม้จะเป็นเนื้อไก่จากโรงงานส่งออกก็ยังเป็นวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

ทำความเข้าใจ Segmentation เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น

คุณมลวิภา เล่าต่อถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้า 2 ประเภท คือ 1. Industrial Goods ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่รับไปจำหน่ายต่อ เช่น ห้างค้าส่งอย่าง Makro และตลาดนัดหรือตลาดสด ตลอดจนกลุ่มธุรกิจ ‘โฮเรก้า’ (HORECA) ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) กาแฟและธุรกิจจัดเลี้ยง (Cafe and Catering) ที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารบริการลูกค้า และ 2. Consumer Goods จำหน่ายโดยตรงให้กับผู้บริโภคผ่านห้างค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่ายังมีสัดส่วนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอย่างแรก

โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีกลุ่มหลักๆ ที่ลูกค้าให้ความนิยมมากที่สุด คือ ไส้กรอก ซึ่งมีทั้งหมด 3 เกรด ประกอบด้วย เกรด A,B และ C เช่น คอกเทลปาร์ตี้, ฮอตดอกเบรกฟัสหนังกรอบ, ไส้กรอกกระเทียม, ไส้กรอกฮอตดอกไก่รมควัน, ไส้กรอกไก่สอดไส้ชีส และไส้กรอกคอกเทล เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปกลุ่มอื่นๆ เช่น  เบรกฟัสสตริปไก่, ไก่แผ่นรมควัน โบโลน่าไก่, โบโลน่าไก่พริกสดสไลด์, ไก่สามชั้นแผ่นรมควัน, ลูกชิ้นไก่, ลูกชิ้นสาหร่าย, ไก่แดดเดียว, ปอเปี๊ยะใส้ต่างๆ, ไก่จ๊อ และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวของสินค้ากลุ่มแป้งแช่แข็งตราสปริงโฮม (Spring Home) จากประเทศสิงคโปร อาทิเช่น แผ่นแป้งโรตี, แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ, แป้งหมั่นโถ, แป้งหมั่นโถใบเตย และแผ่นแป้งเป็ดปักกิ่ง เป็นต้น

ใช้กลยุทธ์อะไร? ให้แข่งขันได้ในตลาดที่ดุเดือด

ส่วนเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing) เนื่องจากตนเป็นผู้ประกอบการขนาดกลาง (SME) จึงมีความคล่องตัวสูงในการบริหารและปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที  ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่อาจมีข้อจำกัดเรื่องความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนแผนงานแบบเร่งด่วนเพราะมีโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กอาจมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและมาตรฐานในการผลิต

นอกจากนี้ บริษัทยังมีวิธีดูแลการจัดการสต๊อกวัตถุดิบอย่างเหมาะสม มีการประเมินความต้องการของตลาด รวมถึงสามารถผลิตสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ทั้งยังมีมาตรฐานสำหรับส่งออกพร้อมมาตรฐาน GMP และ HACCP มีความสดสะอาดและการขนส่งที่ดีตั้งแต่โรงงานชำแหละไก่จนถึงหน้าโรงงาน ตลอดจนการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ทำกำไรได้ตามเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทยังสามารถผลิตสินค้าตามออเดอร์ลูกค้า หรือตามสูตรที่ลูกค้ามีความต้องการในแบบ OEM โดยตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตอาหารให้ได้คุณภาพและปลอดภัย ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย มีการผลิตถูกต้องตามสุขลักษณะ พร้อมกับการรับรองจากองค์การอาหารและยา และเครื่องหมายฮาลาลจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานมายาวนานจนถึงปัจจุบัน

‘เนื่องจากเราเป็นผู้ประกอบการขนาดกลาง หรือ SME จึงมองว่าหากจะผลิตสินค้าประเภทเดียวกันเพื่อแข่งขันกับกลุ่มทุนใหญ่ที่ผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบจากเนื้อหมูอาจเป็นเรื่องที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น แข่งขันด้านราคาที่ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้น เราจึงเลือกที่จะผลิตสินค้าทดแทน เช่น ไก่แผ่นรมควัน (แฮมไก่) หรือไก่สามชั้นแผ่นรมควัน (เบคอนไก่) เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่คนทั่วไปสามารถทานแทนเนื้อหมูได้ เป็นการสร้างตลาดใหม่ๆ และเป็นอีกทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค’

ขยายตลาดต่างประเทศผ่าน Business Connection

คุณมลวิภา กล่าวถึงเรื่องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศว่า เนื่องด้วยสินค้าของตนมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทาวงแม็คโคร ดังนั้น เมื่อแม็คโครขยายตลาดไปเปิดสาขาในต่างประเทศจึงทำให้สินค้าของบริษัทถูกนำไปวางจำหน่ายภายในประเทศนั้นด้วย เช่น ประเทศกัมพูชา, เมียนมาร์ เป็นต้น ซึ่งช่องทางเหล่านี้ถือเป็นการสร้างการรับรู้และโปรโมทสินค้าทำให้ผู้บริโภครู้จักไปในตัว ทั้งนี้ เนื่องจากตนมี Connection และสายสัมพันธ์กับเครือข่ายเป็นคนในวงการธุรกิจส่งออกอาหาร จากการทำกิจการเดิมในอดีตจึงส่งผลให้สามารถนำสินค้าไปนำเสนอให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศอื่นได้อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา หรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

ทำการตลาดออนไลน์พร้อม Customer Analysis

สำหรับช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ บริษัทมุ่งสร้างการรับผู้ไปสู่ผู้บริโภคในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของไก่ ที่สามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย และที่สำคัญยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งแม้ตอนนี้จะมีเพียงกลุ่ม Consumer Goods ซึ่งเป็นการจำหน่ายโดยตรงให้กับผู้บริโภคผ่านการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิที่ยังมีดีมานด์น้อยเมื่อเทียบกับกลุ่ม Industrial Goods แต่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและสามารถขยายตลาดได้ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้จะมีความนิยมเลือกซื้อสินค้าพรีเมียม เช่น ไส้กรอกเกรด  A เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทยังมีการสอบถามความเห็นของลูกค้าโดยตรงเพื่อนำมาเป็นแนวทางการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองสำคัญ และเป็นการรักษาฐานลูกค้าไว้ได้เป็นอย่างดี

มลวิภา โสมานันท์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
มลวิภา โสมานันท์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
พัฒนาสินค้าอย่างไร? ให้ถูกใจลูกค้าและผู้บริโภค

คุณมลวิภา กล่าวปิดท้ายว่า ภายหลังจากที่ตนตัดสินใจซื้อกิจการโรงงานผลิตไส้กรอกและเริ่มจัดตั้งบริษัท ตนยังมีวิสัยทัศน์ในด้านการให้ความสำคัญกับเรื่องระบบบัญชีและระบบข้อมูลเพื่อความรวดเร็วในการตัดสินใจและควบคุมงาน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาหรือ R&D เพราะเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับพัฒนาสินค้าให้มีความมาตรฐาน และมีรสชาติที่โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมต่อยอดไปสู่สินค้าที่มีความพรีเมียมและตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) ได้

พร้อมกันนี้ ยังมีการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำไปเป็นแนวทางปรับใช้ในการพัฒนาปรับเปลี่ยนสินค้า ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการเก็บข้อมูลยอดขายและมีการติดตามเทรนด์ของตลาดเพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับดีมานด์ที่จะเกิดขึ้น 

Case Study เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการเป็นผู้ประกอบการขนาดกลาง หรือ SME หากต้องมีการเอาตัวรอดท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด ผู้บริหารต้องมีแนวคิดที่แตกต่างอย่างชัดเจน และพัฒนาสินค้าให้มีความโดเด่นเป็นเอกลักษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าเลือกซื้อ อย่างที่ ‘คุณมลวิภา โสมานันท์’ ได้สร้าง ‘จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล’ ให้เติบโตอย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จในตลาดฮาลาลจนถึงทุกวันนี้

รู้จัก ‘จีเอสบี อินเตอร์เนชั่นแนล’ เพิ่มเติมได้ที่

http://www.gsbinter.com/

https://web.facebook.com/GSBinter/

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ
คลิกหรือสายด่วน1333