บิสกิต โซลูชั่น ติดปีก MSME ไทย ผุด เครื่องมือเพิ่มยอด พลิกโฉมกิจการ

บิสกิต โซลูชั่นติดปีก MSME ไทย เปิดตัวเครื่องมือ พลิกโฉมกิจการด้วย AI เพิ่มยอดขายโตเท่าตัว

บิสกิต โซลูชั่น เปิดตัว BIZCUIT Solution Express ติดปีกวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก ไทย ทรานส์ฟอร์มกิจการด้วย AI โซลูชั่นครบวงจร มุ่งบริหารประสบการณ์ลูกค้า พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ บริหารจัดการกิจการหน้าร้าน เพิ่มยอดขายเท่าตัว

ในราคาที่จับต้องได้ ติดตั้งและใช้งานง่ายสะดวก รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน มุ่งยกระดับขีดความสามารถ MSME คว้าโอกาสเติบโตตาม GDP MSME ปี 65 คาดเติบโต 3.2-5.4% มีมูลค่าราว 5.669-5.789 ล้านล้านบาท เผยเป็นเส้นเลือดฝอยหนุนเศรษฐกิจไทยเติบโตมีเสถียรภาพยั่งยืน

นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด หรือ BIZCUIT เปิดเผยว่า BIZCUIT ได้พัฒนาและเปิดตัว “BIZCUIT Solution Express” ซึ่งเป็นบริการ AI โซลูชั่นที่ครบวงจร ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย

ด้วยฟีเจอร์ครอบคลุมและจำเป็นในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นการผสาน 2 โซลูชั่นที่ BIZCUIT มี ได้แก่ FullLoop CX แพลตฟอร์มบริหารประสบการณ์ลูกค้าครบวงจรด้วย AI Machine Learning ด้าน NLU และ BIZCUIT Vision Analytics (BVA) โซลูชั่นวิทยาการวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี Computer Vision ใช้งานผ่านอุปกรณ์กล้อง CCTV ที่ทุกๆ ร้านมีอยู่แล้ว

นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด หรือ BIZCUIT

ซึ่งช่วยทรานฟอร์มฯ ธุรกิจได้อย่างแท้จริง ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว และใช้งานง่าย BIZCUIT Solution Express เป็นโซลูชั่นที่รวบรวม ฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ MSME สามารถช่วยสนับสนุนด้านการบริหารจัดการ และการควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจด้านอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาส เพิ่มยอดขายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว

ทั้งนี้ การเปิดตัวเครื่งมือดังกล่าวมีเป้าหมายสนับสนุนการนำเทคโนโลยี AI ด้าน Machine Learning เข้าไปพัฒนาในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก ให้สามารถสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและเติบโต จากรายงานสรุปสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก หรือ MSME ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชี้ให้เห็นว่า

GDP กลุ่มดังกล่าว ในปี 2565 จะเติบโตระหว่าง 3.2-5.4% หรือมีมูลค่าประมาณ 5.669-5.789 ล้านล้านบาท ซึ่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา มีอัตราขยายตัว 3.8% คิดเป็นมูลค่า 1.519 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 35.3% ของ GDP ประเทศที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2% ในขณะที่รายงานการเปรียบเทียบดัชนี เชิงปริมาณและดัชนีความเชื่อมั่นของ MSME ณ เมษายน 2565 ชี้ให้เห็นว่า ดัชนีผลผลิตภาคบริการเติบโตบวก 1.5% ร้านอาหาร ภัตตาคาร บวก 4.0%

ในขณะที่โรงแรม เกสต์เฮ้าส์ บวก 4.1% จากตัวเลขการเติบโตดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและรายย่อยสามารถเติบโตและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มนี้เป็นเสมือนเส้นเลือดสำคัญช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศอย่างมหาศาล และช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ประกอบกับเมื่อธุรกิจกลุ่มนี้สามารถต่อยอดกิจการ กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อนาคตก็จะยิ่งส่งเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศให้มีความยั่งยืน มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ควรเร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนาธุรกิจของตัวเอง อย่างรอบด้านด้วยเทคโนโลยี สร้างโอกาสให้กับธุรกิจและพร้อมรับมือทุกการแข่งขัน