เผยแพร่ |
---|
สู้เพื่อแม่! สาวหล่อ ยึดอาชีพไรเดอร์ หาเงินเลี้ยงแม่ผู้พิการ วัย 80 ปี
เมื่อแม่ป่วยหนัก คนเป็นลูกก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อดูแลแม่ผู้ให้กำเนิด เช่น คุณอ๋อย-สุจิตรา ปราชญ์เปรื่อง สาวหล่อกตัญญูวัย 39 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่กับแม่อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวชและมีความพิการทางขา เล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเธอให้ฟังว่า
ตั้งแต่จำความได้แม่ก็ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชมาตลอด แต่ก่อนพ่อจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลแม่ในช่วงก่อนและหลังเลิกเรียน จนเมื่อคุณพ่อจากไปตอนเธออยู่ ม.5 เธอจึงกัดฟันสู้เรียนให้จบ ม.6 และตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อทำงานหาเงินมาดูแลคุณแม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชีวิตของสองแม่ลูกดำเนินมาอย่างเป็นปกติจนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณแม่ของคุณอ๋อยหกล้มจนกระดูกหัก แม้จะได้รับการผ่าตัดแล้วแต่ด้วยภาวะกระดูกพรุนจึงไม่สามารถเดินได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“ก่อนที่คุณแม่จะเดินไม่ได้ แม้ว่าจะมีอาการป่วยทางจิตเวชแต่แม่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ยังกินข้าวเองได้ ทำงานบ้านต่างๆ ได้ แม่ชอบซักผ้าให้เราด้วยนะ แต่พอแม่เดินไม่ได้ เราเลยต้องมองหาอาชีพใหม่ที่ทำให้มีเวลาดูแลแม่ได้มากขึ้น จริงๆ ได้ลองทำมาหลายอาชีพแล้วนะ แต่ไม่มีอาชีพไหนที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลามากเท่ากับการขับแกร็บ เพราะอาการของแม่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เราเลยต้องการงานที่สามารถจัดสรรเวลาได้เอง”
การเติบโตมากับคุณแม่ที่ไม่เหมือนคนอื่นได้หล่อหลอมให้คุณอ๋อยเป็นคนคิดบวกเพื่อที่จะก้าวผ่านสายตา และคำนินทาของคนอื่นไปได้ ซึ่งพลังใจสำคัญของเธอก็คือคุณแม่ของเธอนั่นเอง
“อาการที่แม่เป็นคือพูดคนเดียว บางครั้งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็จะอาละวาด แม่อาจจะน่ารักบ้างไม่น่ารักบ้างในบางวัน บางทีเราเองต้องลุ้นว่าวันนี้เราจะเจอกับแม่เวอร์ชั่นไหน ฟังแล้วดูเหมือนเราดูแลเขาเยอะ แต่บางทีแม่ก็เป็นคนดูแลเราเหมือนกันนะ
ทุกวันนี้แม่ก็ยังชอบทำงานบ้านอยู่ และมีประโยคหนึ่งที่เเม่เคยพูดให้กำลังใจในวันที่เรามีปัญหาชีวิตเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า ไม่เป็นไรลูก เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ อาจจะดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่สำหรับคนที่ป่วยทางจิต การที่เขาจะคิดอะไรแบบมีตรรกะเป็นสิ่งที่ยากมาก มันจึงเป็นประโยคที่เราจำไว้ใช้เตือนใจตัวเองจนทุกวันนี้”
ก่อนจบบทสนทนา คุณอ๋อย เล่าถึงความตั้งใจในวันแม่ปีนี้ว่า “ปีนี้เราตั้งใจจะกู้สินเชื่อเงินสดจากแกร็บมาซื้อรถเข็นใหม่ให้แม่ เราตั้งใจว่าจะพาเขาไปเที่ยวไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน อาจจะไม่ได้เป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากที่เคยทำมา แต่ก็เป็นการสร้างความสุขเล็กๆ ตามภาษาเราสองคนแม่ลูก การได้เห็นรอยยิ้มของคุณแม่ในทุกๆ วันถือเป็นกำไรชีวิตที่เอาอะไรมาแลกไม่ได้เลยจริงๆ” คุณอ๋อย พูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ