เจาะลึก อีฟแอนด์บอย พาธุรกิจฝ่าวิกฤต ผงาดเจ้าตลาด บิวตี้สโตร์ ยืน 1 ในไทย

เจาะลึก อีฟแอนด์บอย พาธุรกิจฝ่าวิกฤต ผงาดเจ้าตลาด บิวตี้สโตร์ ยืน 1 ในไทย
เจาะลึก อีฟแอนด์บอย พาธุรกิจฝ่าวิกฤต ผงาดเจ้าตลาด บิวตี้สโตร์ ยืน 1 ในไทย

เจาะลึก อีฟแอนด์บอย พาธุรกิจฝ่าวิกฤต ผงาดเจ้าตลาด บิวตี้สโตร์ ยืน 1 ในไทย

หากพูดถึงบิวตี้สโตร์ เชื่อว่าสาวๆ ทุกคนต้องนึกถึง EVEANDBOY (อีฟแอนด์บอย) เป็นที่แรกกันอย่างแน่นอน แล้วอะไรคือกลยุทธ์ที่ทำให้ อีฟแอนด์บอย สามารถเติบโตท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 กลายเป็นเจ้าตลาดบิวตี้อันดับหนึ่งของไทย และยืนหยัดมานานถึง 17 ปี มาร่วมพูดคุยและหาคำตอบกับ คุณบอย-หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ที่จะมาเปิดทุกคำตอบให้

คุณบอย กล่าวว่า ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านการใช้ชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจกลุ่มเครื่องสำอางก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เช่น การ Work from Home การล็อกดาวน์ การเปิดและปิดหน้าร้านตามนโยบายของภาครัฐ ตลอดจนความระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ยอดขายของอีฟแอนด์บอยลดลงประมาณ 20%

บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้าน

“เราเป็นบิวตี้สโตร์ ที่อาศัยยอดขายหลักจากหน้าร้าน และไม่มีช่องทางการขายเครื่องสำอางออนไลน์ที่แข็งแรงมาก่อน จนเมื่อเกิดโควิด ปี 2019 ทำให้เราเร่งปรับแผนและเสริมทัพธุรกิจด้วยการพัฒนาช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ เปิดหน้าร้านบนแพลตฟอร์ม LAZADA และแอพพลิเคชั่น EVEANDBOY ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ iOS App Store และ Android ซึ่งสร้างความสะดวกสบายและยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้า โดยพบว่ามียอดการซื้อสินค้าผ่าน e-Commerce คิดเป็นมูลค่า 10% จากยอดทั้งหมดของอีฟแอนด์บอย”

สินค้าในร้าน
สินค้าในร้าน

ในส่วนของสินค้า อีฟแอนด์บอย ได้ปรับเกมรุกให้ทันความต้องการของลูกค้า มุ่งเน้นสินค้ากลุ่มเวชสำอางและสกินแคร์เพิ่มขึ้น เพราะเทรนด์การแต่งหน้าเปลี่ยนจากความสวยงามไปโฟกัสที่การดูแลผิว และเป็นการแต่งหน้าเฉพาะส่วน ยืนยันได้จากสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ปี 2021 สูงขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งมียอดขาย 35% ส่วนกลุ่ม Make up ยอดจำหน่ายลดลงเหลือ 29% จากปี 2019 ที่จำหน่ายได้สูงถึง 45%

รวมไปถึงในปีนี้ จะมีสินค้าเคาน์เตอร์แบรนด์และน้ำหอมแบรนด์ดังมาเสริมทัพ พร้อมด้วยกลุ่มสินค้า K-Beauty เครื่องสำอางจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นให้เลือกอย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการในทุกเซกเมนต์

ขณะเดียวกัน แผนการขยายสาขาไปตามหัวเมืองที่มีศักยภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกระจายตัวและเจาะลึกถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ในการอำนวยความสะดวกและเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยในปีนี้ อีฟแอนด์บอย มีแพลนเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง

หน้าร้าน
หน้าร้าน

ประเดิมปีนี้ด้วยการเปิดสาขา MBK Center เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่และขั้นตอนการเจรจาธุรกิจ ปัจจุบัน อีฟแอนด์บอย มีทั้งหมด 16 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 12 สาขา และต่างจังหวัด 4 สาขา

และจากการปรับตัวและเสริมสร้างแผนธุรกิจให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ อีฟแอนด์บอย สามารถสร้างยอดขายสินค้าสวนกระแสเศรษฐกิจท่ามกลางสถานการณ์โควิด ด้วยยอดขายลิปสติก สูงกว่า 2,377,583 ชิ้น รองลงมาคือ Blush จำนวน 454,024 ชิ้น Mask จำนวน 1,698,611 ชิ้น และน้ำหอม 228,009 ชิ้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อีฟแอนด์บอย จัดงานมอบรางวัล EVEANDBOY Best Selling Award 2021 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจให้กับแบรนด์ต่างๆ โดยการตัดสินผลรางวัลจากยอดขายจริงทั่วประเทศจำนวนกว่า 85 รางวัล ถือเป็นรางวัลที่ส่งมอบให้แก่คู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ที่เป็น “ออฟฟิเชียลพาร์ตเนอร์” (Official Partner) ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ อย่าง อเมริกา ยุโรป เกาหลี และแบรนด์ของคนไทย

ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าของ อีฟแอนด์บอย ดังนั้น อีฟแอนด์บอย จึงเป็นบิวตี้สโตร์ที่รวบรวมไอเท็มยอดฮิตจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 แบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ จุดหมายแห่งความงามที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและแตกต่างกันได้อย่างครบถ้วนในที่เดียว พร้อมมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง