ดีพร้อม ผุด เกษตรอุตสาหกรรม’65 ทางรอดสร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

ดีพร้อม เสริมแกร่ง ผปก. เปิดนโยบาย เกษตรอุตสาหกรรม’65 คาดสร้างมูลค่ากว่า 1.2 พันลบ. ชี้ตลาดอาหารสุขภาพ ทางรอดสร้างรายได้ แปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่มีการขยายตัว ประกอบกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เร่งดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
พร้อมการบูรณาการความร่วมมือในทุกองคาพยพ มุ่งเน้นสร้างการพึ่งพาตนเองของประชาชน

ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรอุตสาหกรรม และเป็นนโยบายสำคัญที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนส่งเสริมภาคการเกษตรด้วยศาสตร์ของอุตสาหกรรม (Industrialization) พัฒนาองค์ความรู้ในด้านการประกอบการ ส่งเสริมการเข้าถึงเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพในทุกกระบวนการ จากการเพาะปลูกไปจนถึงการจัดจำหน่าย พร้อมส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อขยายโอกาสในการจัดจำหน่าย

ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

รวมทั้งการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเป็นการปรับให้สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น โดยตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563-2564 สร้างผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมรายใหม่ กว่า 8,000 คน ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมเดิมให้มีศักยภาพกว่า 1,800 กิจการ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ 600 ผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้มั่นคงกว่า 2,550 ล้านบาท ถือเป็นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้มีศักยภาพพร้อมรองรับความต้องการจากตลาดทั้งในและต่างประเทศในอนาคต

ดร.ณัฐพล กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดีพร้อม ขับเคลื่อน
ด้วยนโยบาย “ดีพร้อมแคร์เกษตรอุตสาหกรรม” มุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการในทุกมิติ เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับธุรกิจ พร้อมการยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรม ประกอบด้วย

  • C-Customization ปรับแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม โดยเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินการสอดคล้องกับดีมานด์ของผู้ประกอบการ
  • A-Accessibility เพิ่มศักยภาพการให้บริการผ่านการดำเนินงาน ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคผ่านศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค หรือ ดีพร้อมเซ็นเตอร์ (DIPROM CENTER) ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ
  • R-Reformation ปฏิรูปโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมตามนโยบาย BCG โดยได้ริเริ่มทดลองดำเนินงานโครงการ The Gifted DIPROM BCG เพื่อศึกษาและพัฒนาแนวทางการเพิ่มผลิตภาพแก่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยังยืน
  • E-Engagement ขยายพันธมิตรเกษตรอุตสาหกรรม โดยการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่งเสริม สนับสนุนทุนเพื่อธุรกิจ เปิดช่องทางการตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ ในช่องทางตลาดใหม่ หรือ Modern Trade รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับสมาคมเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อชี้เป้าการพัฒนา และบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้การพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยีสามารถตอบสนองผู้ประกอบการมากที่สุด

ดร.ณัฐพล ระบุว่า ดีพร้อม มุ่งหวังให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ เพื่อกระจายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพไปสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยได้พัฒนาเครื่องมือและกลไกต่างๆ ให้สามารถปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ เตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินงานในส่วนนี้ ได้มอบหมายให้ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม รับหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคเกษตรอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท

โดยเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม ดีพร้อม ได้ส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านโครงการ ปั้น SMEs สู่ B2C ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ สู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ทำให้ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก้าวผ่านวิกฤตและสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น พร้อมเสริมทักษะการวางแผนโลจิสติกส์ให้มีศักยภาพ และสนับสนุนการพัฒนาเครื่องจักรกลขนาดเล็กเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของผู้ประกอบการ เสริมศักยภาพให้พร้อมแข่งขันอย่างสมบูรณ์

ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเกษตรอุตสาหกรรมเป็นที่น่าจับตา ด้วยปัจจัยจากสถานการณ์ต่างๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และด้วยศักยภาพความพร้อมของประเทศไทย ที่มีความพร้อมด้านการเกษตร ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารสุขภาพเติบโตอย่างก้าวกระโดด

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าในปีที่ผ่านมาตลาดอาหารสุขภาพของไทยเติบโตถึง 5,400 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดทั่วโลกเติบโตจากการประเมินของยะฮูไฟแนนช์ (Yahoo Finance) สูงถึง 6 ล้านล้านบาท โดยอาหารสุขภาพได้แบ่งประเภทออกเป็นหลายกลุ่ม ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้บริโภค อาทิ อาหารคีโต สำหรับผู้ที่ต้องการลดปริมาณการรับประทานแป้ง อาหารแพลนต์เบส

สำหรับผู้ที่ต้องการบริโภคโปรตีนที่ทำมาจากพืช ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลาดในกลุ่มอาหารสุขภาพนี้ มีช่องทางสำหรับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการเข้าถึงส่วนแบ่งชิ้นสำคัญ โดย Fresh&Friendly Farm ผู้ผลิตเห็ดออร์แกนิก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่มีการทดลองพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืช (เห็ดสายพันธุ์ต่างๆ) หรือ แพลนต์เบส ซึ่งได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาจาก ดีพร้อม ไปเป็นแรงบันดาลใจและต่อยอดการแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างดี ดร.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

นางสุชาดา กุลมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรช แอนด์ เฟรนด์ลีฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เข้าร่วมอบรมในโครงการที่ดีพร้อมจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ทำให้บริษัทฯ เกิดการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

นางสุชาดา กุลมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรช แอนด์ เฟรนด์ลีฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด

โดยดีพร้อมได้ช่วยต่อยอดจากมาตรฐาน GMP สู่มาตรฐานฮาลาล สร้างโอกาสในการจัดจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้รับการส่งเสริมการสร้างแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนของธุรกิจจากโครงการดีพร้อม จีเนียส อะคาเดมี (DIPROM Genius Academy) และได้เปลี่ยนจากการเพาะเห็ดขายมาสู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าในตลาดสินค้าออร์แกนิก

ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจประสบปัญหา แต่จากการเข้าร่วมโครงการกับดีพร้อมทำให้มองเห็นทางออกของธุรกิจมากขึ้น ผ่านการใช้ช่องทางตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ยังได้รับแนวคิดจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ในการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านการแปรรูปเห็ดออรินจิเป็นลูกชิ้นปลาหมึกแพลนต์เบส ทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 สามารถรักษายอดขายสินค้าได้กว่า 10 ล้านบาท และมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 15 ล้านบาทในสิ้นปีนี้

“…ในอดีตภาพการดำเนินธุรกิจ เรามักมุ่งหวังไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่การส่งเสริมของดีพร้อม
ทำให้เรารู้ว่า ยังมีอีกหลายมิติที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และสามารถต่อยอดพัฒนาไปพร้อมๆ กันได้ เพื่อให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งทั้งในแง่ขององค์กร และผลิตภัณฑ์ การสร้างมาตรฐานเพื่อให้ต่างชาติยอมรับ รวมไปถึงการแสวงหาโอกาสทางการตลาดจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ดีพร้อมจึงไม่ใช่แค่หน่วยงานที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ แต่เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่พร้อมพาเราก้าวข้ามวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น…” นางสุชาดา กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
โทรศัพท์ 0 2430 6865-66 ต่อ 4 และติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipromindustry หรือ www.diprom.go.th