‘ศุภาลัย’ Live สร้างอาชีพ จัดเต็ม 6 เมนูแซ่บ น้ำพริกตำรับยอดนิยม ทำง่าย ขายง่าย กำไรงาม

‘ศุภาลัย’ Live สร้างอาชีพ จัดเต็ม 6 เมนูแซ่บ น้ำพริกตำรับยอดนิยม ทำง่าย ขายง่าย กำไรงาม

 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มติชนอคาเดมี จัดสัมมนา SUPALAI FOR ALL แบ่งปันความรู้สู่สังคม เป็นการอบรมในหัวข้อสูตรเด็ดเคล็ดลับ สารพัดน้ำพริกขายดี ลงทุนหลักร้อย กำไรหลักหมื่น ผ่านทางไลฟ์สด เฟซบุ๊ก Supalai Society และ เฟซบุ๊ก Matichon Academy เพื่อให้ลูกค้าศุภาลัยและบุคคลทั่วไปรับชม โดยมี อ.ขนิษฐา ชัยชาญกุล วิทยากรสอนทำอาหารของมติชนอคาเดมี กูรูด้านการทำอาหารมานานกว่า 20 ปี มาถ่ายทอด 6 สูตรน้ำพริกยอดนิยมและการทำแคบหมู โดยทุกเมนูไม่ใส่สารกันเสีย อาทิ น้ำพริกตาแดง น้ำพริกตาแดงแมงดา น้ำพริกนรก น้ำพริกนรกปลาย่าง แคบหมูไร้มัน และน้ำพริกแคบหมู

เริ่มจากเมนูน้ำพริกตาแดงและน้ำพริกตาแดงแมงดา อ.ขนิษฐา สอนตั้งแต่การเลือกซื้อวัตถุดิบ การปรุงโดยไม่ผสมสารกันเสีย กระบวนการฆ่าเชื้อเพื่อไม่ให้น้ำพริกเสียง่าย แนะนำการใช้พริกป่นที่ควรมีฉลาก อย. กำกับ เพื่อการันตีคุณภาพและไม่ให้น้ำพริกขึ้นราได้ง่าย รวมถึงเทคนิคการนึ่ง 15 นาที หรือการทำสเตอริไลซ์ เพื่อให้เก็บได้นาน 1-3 เดือน สำหรับคนที่สนใจทำน้ำพริกตาแดงแมงดาขาย คิดคำนวณต้นทุนกิโลกรัมละ 80 บาท สามารถขายได้กิโลกรัมละ 300 บาท

ต่อมาเป็นการสาธิตทำเมนูน้ำพริกนรกและน้ำพริกนรกปลาย่าง จัดเป็นเมนูน้ำพริกขายดีที่สุด อาจารย์แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ ของดี ราคาถูก เทคนิคการทำน้ำพริกนรกไม่ให้แฉะและการทำน้ำพริกนรกปลาย่างให้หอมอร่อยน่าทาน โดยต้นทุนน้ำพริกนรกอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ราคาขายกิโลกรัมละ 400 บาท

จากนั้นเป็นการสอนทำแคบหมูไร้มัน อ.ขนิษฐา สอนตั้งแต่การเลือกหนังหมู ต้องเลือกหนังหมูหนาๆ จะทำให้การพองตัวของแคบหมูดีที่สุด อธิบายถึงจุดสังเกตการต้มหนังหมู ต้องให้หนังหมูใสพอสะดุ้งไฟ แต่อย่าให้นิ่ม เวลาทอดแคบหมูจะพองน่าทาน รวมถึงการนำหนังหมูที่หั่นและตากแล้วมาแช่น้ำมันเพื่อให้อิ่มตัว ยิ่งแช่น้ำมันนานก็ยิ่งทำให้หนังหมูพอง ตลอดจนการเตรียมน้ำมันสำหรับทอดต้องใช้น้ำมันปาล์มและต้องร้อนจัดเพื่อให้แคบหมูพองตัวได้ดีด้วย

นอกจากนี้ อาจารย์ยังสอนถึงการคิดคำนวณต้นทุนกำไรด้วย โดยหนังหมูกิโลกรัมละ 60 บาท ซื้อ 10 กิโลกรัม ราคา 600 บาท เอามาทำแคบหมูซึ่งมีการตากหรืออบจะเหลือน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 1,000 บาท หักต้นทุนแล้ว เหลือกำไร 2,400 บาท เท่ากับกำไร 4 เท่า รวมถึงสามารถขายเป็นแคบหมูดิบ ให้ลูกค้านำไปทอดเองได้ด้วย ส่วนเทคนิคเพื่อให้เก็บแคบหมูเอาไว้ได้นาน อาจารย์แนะนำให้ซื้อซองกันชื้นสำหรับดูดออกซิเจนใส่เอาไว้ก้นถุง ช่วยยืดอายุการเก็บได้นานประมาณ 3 เดือน

และเมนูสุดท้ายคือ การทำน้ำพริกแคบหมู เมนูอินเทรนด์ที่ขายดีมากในตอนนี้ นอกจากสอนการทำน้ำพริกแคบหมูสูตรแซ่บแล้ว อาจารย์ยังสอนเทคนิคการทำให้น้ำพริกแคบหมูให้แห้งและเก็บได้นาน โดยนำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งไฟคลุกบนเตานานประมาณ 5 นาที รวมถึงสามารถครีเอตเป็นน้ำพริกหนังไก่ทอดได้ด้วย

นอกจากนี้ อ.ขนิษฐา ยังแนะนำทิ้งท้ายว่า น้ำพริกขายได้ทั้งแบบมีหน้าร้านและขายออนไลน์ โดยเทคนิคการขายต้องมีการเคลื่อนไหว ถ้าขายแบบมีหน้าร้านก็อาจจะผัดน้ำพริกให้ลูกค้าเห็น ถ้าขายออนไลน์ก็โพสต์คลิปการทำน้ำพริกเพื่อให้ดูน่าสนใจ ส่วนผู้ที่สนใจส่งออกน้ำพริก จะมีกระบวนการขออนุญาต น้ำพริกที่จะส่งออกต้องมี อย. มี GMP คือแหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตร และต้องผ่านมาตรฐานของประเทศนั้นๆ โดยน้ำพริกสูตรที่สอน แซ่บ อร่อย ประเทศเพื่อนบ้านก็กินรสชาติคล้ายๆ กับคนไทย อาทิ ลาว เวียดนาม สามารถส่งออกได้