ฮิโนต้า ผู้นำรถไถพรวนดิน แบรนด์ไทย ดัน “ช้างน้อย” 2 ซีรีส์รุกตลาด

ฮิโนต้า ผู้นำรถไถพรวนดิน แบรนด์ไทย ดัน “ช้างน้อย” 2 ซีรีส์รุกตลาด
ฮิโนต้า ผู้นำรถไถพรวนดิน แบรนด์ไทย ดัน “ช้างน้อย” 2 ซีรีส์รุกตลาด

ฮิโนต้า ผู้นำรถไถพรวนดิน แบรนด์ไทย ดัน “ช้างน้อย” 2 ซีรีส์รุกตลาด

วันที่ 3 มีนาคม 2565 นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรทางการเกษตรและอุปกรณ์ รถไถพรวนดินแบรนด์ “HINOTA” (ฮิโนต้า) กล่าวว่า ครอบครัวเป็นผู้บุกเบิกในวงการเครื่องจักรกลการเกษตร มาตั้งแต่ปี 2517 เริ่มพัฒนามาจากควายเหล็กเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์รถไถ แบรนด์ “Mitsubishi หรือที่เป็นที่รู้จัก สิงห์คะนองนา”

นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

หลังจากหมดสัญญากับญี่ปุ่น จึงได้หันมาพัฒนาจำหน่ายเครื่องจักรทางการเกษตร และรถไถพรวนดิน สร้างเป็นแบรนด์ไทย HINOTA (ฮิโนต้า) ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2547 จนถึงปัจจุบันเกือบ 20 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์คิดถึงเรื่องเกษตร ให้คิดถึง ฮิโนต้า เป็นบริษัทของคนไทย คิดค้นและพัฒนาสินค้าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรไทย

ทั้งนี้ ฮิโนต้า ได้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหลัก รถไถพรวนดิน แบ่งออกเป็น 2 ซีรีส์ มีด้วยกัน 3 รุ่น ซีรีส์แรก รุ่นช้างน้อย 4 G รถไถพรวนดิน พันธุ์แกร่ง เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล 6.5 แรงม้า เหมาะสำหรับใช้เปิดหน้าดินแข็ง ปั่นดินละเอียด ราคา 31,500 บาท

ซีรีส์ที่ 2 รุ่นช้างน้อย 5G รถไถพรวนดิน จอมพลัง เครื่องยนต์เบนซิน 9 แรงม้า ราคา 45,500 บาท และรุ่นช้างน้อย 5 G เครื่องยนต์เบนซิน 13 แรงม้า ราคา 57,000 บาท มีคุณสมบัติเด่นเพิ่มเติมจาก 4G สามารถขึ้นร่อง ยกแปลงได้ในคันเดียว เน้นการพัฒนาตัวสินค้าให้เหมาะกับวิธีการใช้งาน

แปลงทดลอง
แปลงทดลอง

สามารถเปิดหน้าดินแข็งได้ พรวนดินทั้งๆ ที่มีวัชพืชปกคลุมหน้าดินได้เลยในคราวเดียว ลดเหลือแค่ 3 ขั้นตอน 1. ไถเปิดหน้าดิน 2. ยกร่อง 3. ปลูก โดยยกร่อง อากาศ น้ำ สามารถระบายออกผ่านด้านข้าง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรครากเน่าให้กับพืชได้

“จากการแพร่ระบาดของโควิด 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้คนตกงานหันมาทำเกษตรรายย่อย เป็นเกษตรกรรายใหม่ รวมถึงกลุ่มคนที่มีรายได้แต่ให้ความสนใจในเรื่องเกษตร โดยเฉพาะสินค้ารถไถพรวนดินขนาดเล็ก ที่เป็นเครื่องมือในการทำเกษตรเบื้องต้น

ซึ่งกลุ่มรถไถที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในตลาดขณะนี้มีมากกว่า 10 แบรนด์ หากคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา 2564 ฮิโนต้า ได้มียอดขายอยู่ที่ 1,000 คัน หรือมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 2,000 ราย และในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,500 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท  เชื่อว่าหากโควิดเบาลงปีนี้ภาคเกษตรมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 3 เท่าตัวเลยทีเดียว”

นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

นายโอฬาร กล่าวอีกว่า ฮิโนต้า มีกลุ่มลูกค้าใหญ่สุดอยู่ที่ภาคอีสาน แต่ถ้ายอดขายจะอยู่ที่ภาคเหนือกับภาคใต้ ปัจจุบันมีดีลเลอร์ 200 กว่ารายทั่วประเทศ สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี พร้อมด้วยบริการหลังการขาย จากทีมเซอร์วิส โมบาย ที่แนะนำสาธิตวิธีการใช้งานผ่าน VDO Call มีช่างเทคนิคคอยให้คำปรึกษา และมีทีม ออนไซด์ เซอร์วิส ให้บริการตรวจเช็กเครื่องให้กับลูกค้าในพื้นที่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ได้วางแผนกิจกรรมทางการตลาด เปิดโครงการ The Hero’s  Famers โดยนำกลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มลูกค้าที่ใช้เครื่องจักรหรือสินค้าของฮิโนต้า ที่ประสบความสำเร็จทางด้านเกษตร นำองค์ความรู้ แนะนำพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก่เกษตรกรรายใหม่ หรือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ สามารถนำไปพัฒนาในพื้นที่ของตนได้อย่างยั่งยืน

“ภาคเกษตร ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เราอยากสร้างให้ Hero Famer เกิดขึ้นทั่วประเทศ ต้องการสร้างเกษตรเชิงคุณภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Better Life By HINOTA เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อีกทั้ง เรายังมีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรให้ ฮิโนต้า เป็นศูนย์รวมนวัตกรรมเครื่องจักร ครบทุกมิติ นวัตกรรมทำต้นกล้า นวัตกรรมการปลูก นวัตกรรมด้านการเก็บเกี่ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่เราจะทำต่อไปในอนาคต” นายโอฬาร กล่าว