5 วิธีจัดการค่าขนส่ง ตัวช่วย SMEs เซฟรายจ่าย ของโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

5 วิธีจัดการค่าขนส่ง ตัวช่วย SMEs เซฟรายจ่าย ของโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

ปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งเลยก็คือ ‘โลจิสติกส์และซัพพลายเชน’ เพราะวิถีชีวิตของผู้คนได้เปลี่ยนไป! จากเดิมที่เคยเดินเลือกซื้อสินค้า/บริการตามสถานที่ต่างๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นสั่งซื้อสินค้า/บริการผ่านทางโลกออนไลน์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs จึงต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นและรวมไปถึงเรื่องการขนส่งสินค้าเข้ามาจำหน่าย

ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าใครไม่มีการวางแผนระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างรอบคอบ ก็อาจจะทำให้ธุรกิจของคุณขาดทุนเอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว เราจึงขอนำเสนอเทคนิคการบริหารจัดการค่าขนส่งสำหรับ SMEs มาฝาก โดยแต่ละเทคนิคนั้นจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน และเทคนิคที่ 1 คือ…

 ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

1. เลือกช่องทางการนำเข้าสินค้าให้เหมาะต้นทุน

หากธุรกิจของคุณจำเป็นที่จะต้องนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ คุณอย่าลืมตรวจสอบค่าขนส่งให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ อีกทั้งคุณจะต้องเลือกช่องทางการจัดส่งให้เหมาะสมกับงบในกระเป๋าด้วย เช่น ถ้าคุณไม่ได้มีทุนสูงและไม่ได้รีบใช้สินค้า การขนส่งทางเรือคงจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด แต่! ถ้าคุณรีบใช้สินค้า การจัดส่งทางเครื่องบินอาจจะสนองความต้องของคุณได้มากกว่า แต่ราคาอาจจะแพงกว่าการส่งทางเรืออยู่หลายเท่าตัวเลยทีเดียว!

2. เปรียบเทียบราคาการจัดส่งของผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า

นอกเหนือจากเรื่องการนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายแล้ว ผู้ประกอบการ SMEs จะต้องใส่ใจในเรื่องระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าอีกด้วย โดยเทคนิคที่จะทำคุณประหยัดเงินทุนไปได้ นั่น ก็คือการเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่มีการคิดอัตราราคาถูกที่สุด

แต่! ระบบการขนส่งต้องมีมาตรฐานด้วย โดยให้คุณสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า ว่าเขามีการจัดส่งหรือรับสินค้าอย่างไร มีการคิดราคาพิเศษสำหรับการจัดส่งเป็นจำนวนมากหรือไม่ ซึ่งในจุดนี้คุณอาจจะต้องใส่ใจตรวจดูรายละเอียดมากสักนิดหนึ่ง

3. เลือกผู้ให้บริการขนส่งให้เหมาะกับรูปแบบสินค้า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการในด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอยู่มากมาย! ซึ่งสิ่งที่จะให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้แบบง่ายๆ เลยก็คือ “การเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เหมาะกับสินค้า” โดยถ้าสินค้าของคุณไม่ได้มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่เกินไป คุณก็สามารถใช้บริการขนแบบธรรมดาได้เลยไม่มีปัญหา (ดูวิธีเลือกในข้อที่ 2)

แต่! ถ้าเมื่อไหร่ที่สินค้าของคุณมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก คุณจะต้องเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เป็นมืออาชีพในด้านการส่งสินค้าขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เพราะถ้าหากคุณยังขืนจัดส่งแบบธรรมดาอยู่ล่ะก็ คุณอาจจะต้องเจอค่าขนส่งที่ทำให้กำไรของคุณแทบจะไม่เหลือเลยล่ะ

4. บริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนหลังบ้านให้ดี!

คงจะไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าขนส่งได้มากกว่าการจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนหลังบ้านอีกแล้ว! โดยคุณอาจจะมีกำหนดส่งสินค้าเป็นรอบๆ หรือเรียกผู้ให้บริการขนส่งมารับสินค้าที่โรงงาน เพื่อลดต้นทุนในการเดินทางไปส่งสินค้า เป็นต้น อีกทั้งคุณอย่าลืมบอกลูกค้าให้ชัดเจนว่ามีค่าจัดส่งเท่าไหร่ต่อ Order

5. จัดการคลังสินค้าให้มีความพร้อมอยู่เสมอ!

สิ่งที่จะทำให้ระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนภายในธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั้น นั่นคือการจัดการบริหารคลังสินค้าให้มีพร้อมส่งอยู่เสมอ! เพราะหากคุณมีการจัดการที่ดี จะส่งผลให้ปัญหาสินค้าขาดสต๊อก การส่งสินค้าล่าช้าไม่เกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน และนั่นจะทำให้เกิดความประทับใจระหว่างลูกค้ากับธุรกิจของคุณนั่นเอง

 

แต่ละเทคนิคที่เรากล่าวไป จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของคุณจะมีระบบการทำงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ประกอบการ SMEs ทุกคน จึงไม่ควรที่จะมองข้ามในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าพลาดขึ้นมาในยุคที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ บอกได้เลยว่ามันอาจจะทำธุรกิจ SMEs ของคุณพังเอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว!

Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน 1333