Tie-in โฆษณาออนไลน์อย่างไร ผู้ชมไม่รู้สึกว่าขายของ

Tie-in โฆษณาออนไลน์อย่างไร ผู้ชมไม่รู้สึกว่าขายของ

การทำโฆษณาแฝง (Tie-in) เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) เพื่อสื่อสารการตลาดกับ ‘ลูกค้า’ โดยเป็นที่รู้จักและใช้มานานอย่างแพร่หลายแล้ว โดยวิธียอดฮิตก็คือ การนำผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโลโก้แบรนด์ เข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ที่นำเสนอไปยังกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

การ Tie-in เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภคจดจำตราสินค้าของคุณได้ ถ้าวางแผนในการ Tie-in ได้อย่างมีคุณภาพ ผู้บริโภคจะจดจำกับสินค้าเราในทางที่ดี แต่จะทำอย่างไรให้การ Tie-in แนบเนียน ผู้ชมไม่รู้สึกถูกยัดเยียดให้ชมโฆษณา ซึ่งจะมีเทคนิคอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

หลักการ Tie-in

Basic Placement : การวางตราสินค้าแบบพื้นๆ ไว้บนสื่อเท่านั้น แต่จะไม่มีการพูดถึงตราสินค้านั้น ซึ่งบางทีอาจจะวางให้เห็นอย่างชัดเจนหรือแอบวางไว้ เช่น การวางโลโก้แบรนด์ไว้หลังฉากที่นักแสดงเดินผ่าน ซึ่งจะเห็นบ่อยในซิตคอมบ้านเรา

Integrated Placement : การผสมผสานตราสินค้าให้เข้ากับสื่อ เป็นการแสดงสินค้ากับสื่อไว้อย่างแนบเนียน โดยส่วนใหญ่จะผสมผสานสินค้าให้เข้ากับลักษณะของบทพูดหรือการแสดงเพื่อให้ดูแนบเนียน จนบางทีเราอาจไม่ทันได้สังเกต เช่น การชวนออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยาน แล้วถ่ายให้เห็นโลโก้ที่กำลังขี่ เป็นต้น

Enhanced Placement : การสอดแทรกและยกระดับตราสินค้าให้เป็นส่วนหนึ่งในสื่อ ซึ่งเป็นการผสมผสานสินค้ากับสื่ออย่างโจ่งแจ้ง ผู้บริโภคอาจสังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น ฉากที่นักแสดงขับรถ ก็มีการถ่ายทอดสินค้าอย่างละเอียดเพิ่ม เช่น การใช้งาน สมรรถภาพของรถยนต์ หรือการพูดแอบแฝงถึงข้อดีของรถยนต์ เป็นต้น

Programming : การรวมตราสินค้ากับสื่อเข้าด้วยกัน เช่น Product Placement คือ อุปกรณ์เครื่องครัว ได้สร้างรายการทีวีทำอาหาร โดยใช้เครื่องครัวของเขาเองโดยเฉพาะ ซึ่งแบบนี้จะเป็นการกำหนดสินค้าหรือแบรนด์เป็นหลักก่อน แล้วค่อยคิดสร้างสื่อให้ตรงกับตราสินค้า

 

Tie-in อย่างไร ให้ไม่รู้สึกถูกยัดเยียด

  1. แนบเนียน : การ Tie-in ที่ดีสินค้าต้องเข้ากับสถานการณ์และเนื้อหารายการโดยรวม พยายามแทรกแซงเนื้อหาเข้ามาให้แนบเนียนที่สุด Product ที่ Tie-in ต้องเข้ากันได้กับเนื้อหา ไม่ทำให้ผู้ชมดูแล้วเกิดอาการตะขิดตะขวงใจ
  2. Hard Sell ผู้ชมไม่ปลื้ม : การนำเสนอสินค้าแบบตั้งใจจนเกินไปจะทำให้ผู้ชมไม่แฮปปี้รู้สึกโดนมัดมือชกให้ดู ดังนั้น การ Tie-in ควรสร้างการบอกต่อและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมจะเป็นการดีกว่า
  3. ใครคือกลุ่มเป้าหมาย? : ปัจจุบันมีคอนเทนต์จำนวนมาก นักการตลาดและนักวางแผนต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ตัวเอง เพื่อจะได้เลือกรายการที่เหมาะสมเข้ากับสินค้า ซึ่งจะทำให้ Message ที่ต้องการส่งไปยังผู้ชมเกิดประสิทธิผลสูงสุด

ความสำคัญของการทำการตลาดด้วยวิธี Tie-in ที่ไม่ว่าสปอตโฆษณาหรือแบนเนอร์ก็ไม่สามารถทำได้ก็คือ การสร้าง Brand Relevancy ระหว่างกลุ่มเป้าหมายกับผลิตภัณฑ์ให้มีความรู้สึกร่วมไปกับสินค้านั่นเอง