เผยแพร่ |
---|
เอกา โกลบอล ปักธงปี 65 ลุยตลาดอินเดีย-ทุ่มงบตั้งโรงงานใหม่
วันที่ 16 ธันวาคม 2564 นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า มองตลาดบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียทั้งปี 2564 จะเติบโตสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 30-35% ต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานที่เห็นการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยมีผลมาจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค และต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อาทิ อินเดีย อินโดนีเซีย และบราซิล เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานที่ประเทศไทย นับเป็นไลน์การผลิตใหม่ ลำดับที่ 10 มีกำลังการผลิตกว่า 350 ล้านชิ้นต่อปี หรือเพิ่มขึ้นอีก 15% จากกำลังการผลิตเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี มาอยู่ที่ 2,850 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก โดยกำลังการผลิตใหม่ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ พร้อมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายการลงทุนในประเทศอินเดียมากขึ้น โดยในปี 2565 เตรียมตั้งโรงงานใหม่ที่อินเดีย 1 แห่ง ในเมือง PUNE โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ตลาดอินเดีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในมิติของขนาดตลาดอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และอินเดียมีจำนวนประชากรสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีทรัพยากรด้านอาหารที่สมบูรณ์ ขณะที่เศรษฐกิจของอินเดีย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในอินเดีย ก็เติบโตมากขึ้นทุกๆ ปี “อินเดีย” จึงเป็นประเทศเป้าหมายในการขยายธุรกิจของเอกา โกลบอล”
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เอกา โกลบอล ตั้งเป้าเติบโตเท่าตัว ภายใน 5 ปี จะมียอดขายเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะเป็น Top 5 ของบริษัทผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของโลก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบบครบวงจร 360 องศา ตามแนวทาง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “กรีนโปรดักต์” อย่างจริงจัง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย
1. บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น 2. บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 3. บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิ่น รีไซเคิล ฯลฯ