คุณกำลังแพ้ คลีนเซอร์ ที่ใช้อยู่หรือไม่!? อาการแพ้คลีนเซอร์

หลายคนที่มีปัญหาผิวและเป็นอาการที่ดูไม่ค่อยปกติ ใช้ยารักษาแล้ว ดูแลผิวดีแล้วก็ยังคงเป็นอยู่ไม่ยอมหาย ให้ต้องข้อสังเกตว่า อาจแพ้คลีนเซอร์ หรือ โฟมล้างหน้าที่กำลังใช้อยู่ก็ได้ เพราะหลายคนมักมองข้ามการเลือกใช้คลีนเซอร์ให้เหมาะกับผิวหน้าของตัวเอง เพราะ cleanser ที่ไม่เหมาะกับผิวอาจก่อให้เกิดผลเสียได้มากกว่าและอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

ลองสังเกตดูว่ามีอาการตามในข้อต่อไปนี้หรือไม่ หากมี ตอนนี้คุณอาจจะกำลังแพ้โฟมล้างหน้าอยู่ได้ค่ะ

1. สิวขึ้นเห่อแดง

เป็นอาการแพ้โฟมล้างหน้าที่มักเกิดจากผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ สารกันเสียหรือพาราเบน สีสังเคราะห์ และบางครั้งในผิวแพ้ง่ายก็อาจจะแพ้สารทำความสะอาดผิวที่อยู่ในกลุ่ม Sodium Lauryl Sulfate (SLS) และ Sodium Laureth Sulfate (SLES) เพราะสารกลุ่มนี้เป็นสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรง หากใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ผิวหน้าอ่อนแอลงและเกิดสิวได้ง่าย แต่ในผิวแพ้ง่ายอาจเกิดอาการแพ้ทันทีหลังล้างหน้าได้เลย

2. ผิวมันกว่าเดิม

หากใช้โฟมล้างหน้าตัวนั้นแล้ว รู้สึกว่าผิวหน้ามันกว่าเดิมในระหว่างวัน หรือพอล้างหน้าเสร็จแล้วในตอนแรกก็ดูสะอาดดี แต่พอทิ้งไว้ 15 นาที ก็มีน้ำมันบนใบหน้าเต็มไปหมด นี่ก็เป็นปัญหาผิวที่อาจเกิดจากโฟมล้างหน้าได้เหมือนกัน เพราะโฟมล้างหน้าที่กำจัดความมัน ทำความสะอาดผิวอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นหรือกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้บนผิวหน้า จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและตามกลไกของผิว ต่อมไขมันจะทำงานมากขึ้นเพื่อผลิตน้ำมันมาเคลือบบนผิว ไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไปหลังล้างหน้าเสร็จ

3. ผิวแดงและอาจมีอาการแสบร่วมด้วย

ส่วนมากอาการนี้มักเกิดใน cleanser ที่มีสารทำความสะอาดผิวฤทธิ์แรงผสมอยู่ หรือมีสารอื่น ๆ ที่แรงเกินไปสำหรับผิว เช่น สารรักษาสิว สารปรับผิวให้ขาว เป็นต้น หรือบางครั้งอาจเกิดจากผลิตภัณฑ์นั้นมีความเป็นกรด-เบสที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้า จึงทำให้เกิดอาการแสบและผิวแดง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน cleanser ประเภทสบู่ล้างหน้า เนื่องจากคลีนเซอร์ประเภทนี้มีส่วนผสมที่ค่อนข้างมีฤทธิ์แรงผสมอยู่

4. มีสิวหัวหนองเม็ดเล็กขึ้นจำนวนมาก

สิวหัวหนองเกิดจากสิวที่มีการติดเชื้อหรือมีแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้เกิดหนองร่วม อาการแพ้โฟมล้างหน้าที่เกิดเป็นสิวหัวหนองเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นจำนวนมาก อาจเป็นช่วงบริเวณกรอบหน้า จมูก และแก้ม มักเกิดจากคลีนเซอร์ที่ไม่เหมาะกับผิว หากเราแกะสิวและล้างหน้าไปด้วยก็จะทำให้การติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดสิวหัวหนองเม็ดเล็กเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นคลีนเซอร์ที่มีฤทธิ์แรงกว่าผิวหน้า หรือ ไม่ตรงกับความต้องการที่ผิวควรได้รับ

5. มีผื่ดแดงคันขึ้น

อาการผื่ดแดงคันขึ้นในบางส่วนหรือทั่วใบหน้า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในการแพ้คลีนเซอร์ เพราะอาการแพ้ในลักษณะนี้เป็นอาการแพ้ที่ผิวมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับโฟมล้างหน้าและบอกให้เรารู้ว่ากำลังแพ้โฟมล้างหน้าตัวนั้นอยู่ อาจเป็นคลีนเซอร์ได้ในทุกรูปแบบที่ไม่เหมาะกับผิวหรือทำให้เกิดการระคายเคือง อาการผื่ดแดงมักจะเกิดขึ้นใน 1-2 วันหลังจากใช้คลีนเซอร์นั้นแล้ว

6. ผิวดูตึงและแห้งกร้าน

หากหลังล้างหน้าเสร็จแล้ว หากสังเกตได้ถึงความแห้งตึงบนใบหน้า หรือรู้สึกว่าผิวหน้าไม่มีความชุ่มชื้นหลงเหลืออยู่เลย ให้รู้ว่าโฟมล้างหน้าที่กำลังใช้อยู่ได้พรากความชุ่มชื้นไปจากผิวหน้าแล้ว

ผลเสียของผิวแห้งตึงมีมากมายทั้งในระยะยาวและระยะสั้น เช่น ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวแห้งดูไม่มีชีวิตชีวา ผิวมันขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ โครงสร้างผิวเสียและอ่อนแอ เป็นต้น

การรักษาอาการแพ้คลีนเซอร์

1. หากเป็นสิว

ให้เปลี่ยนไปใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโอนต่อผิว และปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวอย่างสิ้นเชิง แล้วค่อย ๆ ใช้ยารักษาสิวเพื่อรักษาสิวให้หาย ระหว่างนี้อาจงดการใช้ครีมบำรุงผิวและการแต่งหน้าไปก่อน

2. หากผิวแดง อักเสบ หรือเกิดผดผื่นสีแดง

ให้ใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโอน ช่วยปลอมประโยนผิว ลดการอักเสบของผิวได้ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ ระหว่างนี้แนะนำให้ใช้น้ำเย็นล้างหน้าและใช้น้ำแข็ง หรือ ผักผลไม้ อย่าง แตงกวา ว่านหางจระเข้ หรือมะเขือเทศ มาพอกผิวเพื่อลดการระคายเคืองผิว งดการใช้ครีมและแต่งหน้าออกไปก่อน

3. หากผิวแห้งตึง

ให้เปลี่ยนมาใช้คลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าที่มีสารให้ความชุ่มชื้นผิวผสมอยู่ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มเติมเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้บนผิวให้อยู่ได้อย่างยาวนานมากที่สุด

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการแพ้คลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าแบบใด ให้หยุดใช้โฟมล้างหน้าหรือคลีนเซอร์ที่กำลังใช้อยู่ทันที เพื่อไม่ให้อาการแพ้หนักไปมากกว่านี้ หากหยุดใช้ได้เร็ว ก็จะหายเร็วขึ้นและไม่เกิดอาการแพ้ที่หนักมากไปกว่าเดิม การรักษาก็จะง่ายขึ้นและสามารถหายได้เร็วมากยิ่งขึ้น