ทส.ช่วยเหลือภัยแล้ง สกลนคร เตรียมน้ำต้นทุน 30.3 ล้าน ลบ.ม. หนุนภาคอีสานตอนบน

ทส. ลุยช่วยเหลือภัยแล้ง จ.สกลนคร เตรียมน้ำต้นทุน 30.3 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมเสริมพลังเครือข่ายประชาชนแก้ปัญหาภาวะน้ำแล้ง

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชน ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานภายใต้กำกับของกระทรวง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ พร้อมด้วยนายมงคล หลักเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันวิกฤติน้ำ นายชูชาติ นารอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 3 บูรณาการร่วมกับเลขาธิการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ผศ.ดร.อภิลักษณ์ เคนไชยวงศ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสกลนคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาภาวะน้ำแล้ง ในอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เพื่อสูบทอยน้ำจากโครงการอ่างเก็บน้ำหนองเรือเติมสระสาธารณะ เพิ่มน้ำต้นทุนผลิตประปาหมู่บ้านในตำบลสามัคคีพัฒนา ทั้งนี้ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำดังกล่าวมีประชาชนได้รับประโยชน์ 5 หมู่บ้าน 1,046 ครัวเรือน ประชากรจำนวน 4,064 คน

นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่นอกเขตชลประทานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดหาน้ำเพื่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพในช่วงฤดูแล้งของทุกปีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ ดำเนินมาตรการรองรับสถานการณ์การขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งปี 2563/2564 ผ่านการจัดหาแหล่งสำรองน้ำดิบในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำพร้อมเติมน้ำให้แหล่งน้ำในพื้นที่เกษตร สอดคล้องตามที่คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนด

พร้อมกันนี้ในวันเดียวกันนี้ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำได้เป็นประธานเปิดโครงการ การศึกษา ประเมินศักยภาพ และพัฒนาระบบตรวจวัดปริมาณน้ำในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่กรมทรัพยากรน้ำได้จัดตั้งขึ้นโดยได้ทำการคัดเลือกแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 80 แห่ง มาทำการสำรวจเพื่อประเมินความจุเก็บกักที่แท้จริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณน้ำทุนที่มีอยู่ในแต่ละช่วงเวลา โครงการดังกล่าวเป็นการเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ให้เป็นกำลังสำคัญในการรายงานระดับน้ำจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ในพื้นที่แหล่งน้ำแต่ละแห่ง โดยการรายงานนั้นจะดำเนินการผ่านทางระบบ Mobile Application ที่พัฒนาไว้ ซึ่งการดำเนินงานในส่วนนี้นอกจากภาครัฐจะได้ข้อมูลปริมาณน้ำต้นทุนที่คงเหลือสำหรับนำมาวางแผนการจัดการน้ำแล้ว ยังเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกันอีกด้วย

นายมงคล หลักเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันวิกฤติน้ำ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การจัดการน้ำในพื้นที่ขาดแคลนน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำได้ศึกษา ประเมินศักยภาพ และพัฒนาระบบตรวจวัดปริมาณเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำขนาดเล็ก เพื่อการพัฒนาแนวความคิด นำบัญชีน้ำมาประยุกต์ใช้กับแหล่งน้ำระดับตำบล ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถประเมินปริมาณน้ำที่มีในปัจจุบัน และปริมาณที่คาดว่าจะขาดแคลนในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทำให้การเข้าช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานภาครัฐรวดเร็วและมีการแก้ปัญหาน้ำที่ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันจากการสำรวจแหล่งกักเก็บน้ำขนาดกลางของกรมทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พบว่ามีปริมาณน้ำที่สามารถสนับสนุนน้ำต้นทุนเพื่อช่วยเหลือภาวะภัยแล้งในพื้นที่ได้อีกประมาณ 30.3 ล้านลูกบาศก์เมตร