กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน

กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน
กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน

กรุงศรี ออโต้ ประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 2564 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน

คุณกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ตลาดสินเชื่อยานยนต์โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจในปี 2563 ส่งผลให้มูลค่าสินเชื่อใหม่ของตลาดลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ผลการดำเนินงานของกรุงศรี ออโต้ ยังคงเติบโตได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างรวมเติบโต 2.4% คิดเป็นมูลค่า 428,000 ล้านบาท รวมทั้งยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 4 ของตลาดสินเชื่อยานยนต์ ซึ่งครอบคลุมทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง รถจักรยานยนต์ และสินเชื่อเพื่อคนมีรถ คาร์ ฟอร์ แคช ควบคู่กับการรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง

กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน
กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน

ตลอดทั้งปี 2563 กรุงศรี ออโต้ บรรลุภารกิจสำคัญ ในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเพื่อนำเสนอโซลูชั่นสินเชื่อยานยนต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้าผลักดันโมเดลธุรกิจใหม่ ‘Krungsri Auto Ecosystem’ ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว GO Application by Krungsri Auto ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 550,000 ครั้ง

กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน
กรุงศรี ออโต้ คาดตลาดรถยนต์ใหม่ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายแตะ 8 แสนคัน

“กรุงศรี ออโต้ มองว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในปี 2564 จะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายที่ 810,000 คัน ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าผ่านนวัตกรรมดิจิทัล และการพัฒนา “Krungsri Auto Ecosystem” ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นว่าจะรักษาการเติบโตในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 448,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 5% รวมถึงรักษาอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกิน 2%” คุณกฤติยา กล่าวปิดท้าย