“ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท

“ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท
“ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท

“ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท

ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท ลั่นเบอร์ 1 “ตลาดค้าส่งผัก” ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เตรียมอวดโฉม “ตลาดค้าส่งผลไม้ยุคใหม่” ปลายปี 2563 บนพื้นที่ 113 ไร่

นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง
นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง

นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ ครบถ้วน ราคายุติธรรม เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อขยายและปรับปรุงตลาดเดิมโดยเปิดตัว “โครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่” บนพื้นที่กว่า 320 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม 70% ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมืองมีปริมาณซื้อขายผักผลไม้ 8,000 ตันต่อวัน มูลค่าการซื้อขายกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุม 60% ของการบริโภคผักผลไม้ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี รองรับผู้ซื้อกว่า 10,000 รายต่อวัน มีจำนวนผู้ขายมากถึง 3,500 รายต่อวัน พื้นที่การค้ากว่า 4,000 แผงค้า จำหน่ายผักผลไม้และของสดกว่า 1,300 ชนิด ครบทุกความต้องการของผู้ซื้อ โดยตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่แบ่งออกเป็น 2 โซน

โซนที่ 1 ตลาดผักยุคใหม่ บนพื้นที่ 143 ไร่ เป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดตัวเมื่อต้นปี 2562 ซึ่งปรับปรุงตลาดให้มีความทันสมัย โดยขยายพื้นที่การค้าขึ้นอีก 30% และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย 9 ตลาด ได้แก่ อาคารรถผัก ตลาดผักปรุงรส ตลาดผักทั่วไป ตลาดผักพื้นบ้าน/คัดบรรจุ ตลาดพืชไร่ ตลาดหอม-กระเทียม-พริกแห้ง ตลาดสด รวมถึงตลาดผักต่างประเทศ และ ตลาดปลาร้าของดอง นอกจากนี้ ยังมีโซนห้องเย็นให้บริการอีกด้วย

โซนที่ 2 ตลาดผลไม้ยุคใหม่ บนพื้นที่ 113 ไร่ โดยเตรียมเปิดตัวปลายปี 2563 พร้อมเพิ่มพื้นที่การค้าขึ้นอีก 45% และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความทันสมัย เช่น การเชื่อมตัวอาคารตลาดผลไม้กว่า 7 ตลาด ให้เปรียบเสมือนอยู่ภายในอาคารเดียวกันบนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร มีการใช้รถไฮโดรลิกประเภทต่างๆ เพื่อขนถ่ายสินค้า พร้อมชูจุดเด่นคือ “ตลาดมะม่วง” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และตลาดผลไม้ต่างประเทศ ที่มีห้องเย็นขนาดใหญ่ภายในแผงค้าเพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ของผลไม้ รองรับการบริโภคผลไม้ต่างประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับตลาดผลไม้ยุคใหม่ มีผลไม้จำหน่ายอีกครบครัน ทั้งผลไม้ไทยที่มีจำหน่ายตลอดทั้งปี และผลไม้ไทยตามฤดูกาล

นอกจากนี้ ยังมีสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณด้านหลังตลาดที่เชื่อมต่อถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนโลคัลโรด) เข้าสู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้พร้อมตลาดผลไม้ยุคใหม่ ซึ่งทำให้การเดินทางเข้าสู่ตลาดสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมือง ถือเป็นตลาดค้าส่งผักอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ “อาคารรถผัก” ขนาดใหญ่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตลาดค้าส่งอื่นๆ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ในทุกวันจะมีเกษตรกรนำผักชนิดต่างๆ จากแหล่งผลิตมาจอดขายจากท้ายรถให้กับผู้ซื้อโดยตรงกว่า1,500 คัน ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกวันมาขายได้ตามผลผลิตที่มี เป็นการลดต้นทุน ไม่ต้องเช่าแผงค้าประจำ เพียงเสียค่าธรรมเนียมเมื่อขับรถเข้ามาขายเท่านั้น

เพื่อรองรับปริมาณผู้ซื้อ ผู้ขายที่เพิ่มขึ้น ตลาดสี่มุมเมืองยังได้ขยาย “พื้นที่จอดรถ” สามารถรองรับรถได้มากกว่า 4,000 คัน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ ผู้ขาย ที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างมากในอนาคต

“ตลาดสี่มุมเมือง” ปรับใหญ่สู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ ด้วยงบลงทุน 4,500 ล้านบาท

ตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ ครบถ้วน ราคายุติธรรม เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ได้เปิดดำเนินการมาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ปี 2526 ตั้งอยู่ย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานี ด้วยพื้นที่กว่า 320 ไร่ ตลาดเป็นศูนย์กลางนัดพบของผู้ซื้อ ผู้ขาย จากทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกษตรกรที่เข้ามาขายสินค้าโดยตรงกับผู้ซื้อ กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงรถเร่ที่มีเครือข่ายกว่า 1,000 คัน โดยที่เกษตรกร พ่อค้าคนกลาง และผู้ค้าปลีกสามารถซื้อขายกันอย่างเสรีโดยที่ตลาดไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในกลไกราคา ถือเป็นส่วนสำคัญในการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากที่ประกอบด้วยเกษตรกร พ่อค้า แม่ค้า และแรงงาน

“ตลาดสี่มุมเมือง เปรียบเสมือนเมืองหนึ่งที่คนเข้ามาใช้ชีวิต มีคนหมุนเวียนกว่า 55,000 คนต่อวัน เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพ ทำให้มีรายได้ที่มั่นคงแก่คนจำนวนมาก เรามีสถานที่ให้เกษตรกรจากทั่วประเทศ เข้ามาขายสินค้าได้โดยตรงกับผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรทำให้มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น ส่วนผู้ซื้อก็สะดวกได้สินค้าที่สดใหม่ทุกวัน ในราคาที่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย” นางสาวปณาลี กล่าวทิ้งท้าย